จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยผนึกชุมชน เปิดโครงการอบรม 'ป่าปลูกอย่างยั่งยืน' หนุนสระบุรีสู่ต้นแบบพื้นที่สีเขียว ณ.แปลงสวนป่า 53 ไร่ ต.งิ้วงาม

                เมื่อวันที่  21 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานที่โดมวัดปากบาง ต.งิ้วงาม อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ได้มีการจัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งสำคัญในหัวข้อ "การวางแผนจัดการป่าปลูกอย่างมีส่วนร่วม และเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินการตามกรอบแนวคิดป่าปลูกป่าใช้ในชุมชน" โดยความร่วมมือระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค และคณะกรรมการป่าชุมชน 53ไร่ ในพื้นที่ ตำบลงิ้วงาม นักเรียนโรงเรียนโคกระท้อนกิตติวุฒิวิทยา เพื่อยกระดับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนในท้องถิ่น

            โครงการนี้มุ่งเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการป่าอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการปลูกป่าใช้ป่าชุมชน 53 ไร่ ในตำบลงิ้วงาม ซึ่งเป็นการขยายผลจากแนวพระราชดำริ "ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง" และเป็นการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่า รวมถึงการฟื้นฟูป่าที่เสื่อมโทรมในพื้นที่ หลังจากการสำรวจและประเมินสถานการณ์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 ในพื้นที่เป้าหมายของจังหวัดสระบุรี

            รองศาสตราจารย์ ดร. พงษ์ชัย ดำรงโรจน์วัฒนา รองผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะหัวหน้าทีมโครงการและวิทยากรหลัก ได้กล่าวถึงความสำคัญของโครงการนี้ว่า "เราเชื่อมั่นว่าการสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคประชาชน จะเป็นหัวใจสำคัญในการอนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง โครงการนี้ไม่เพียงแต่ให้ความรู้ แต่ยังมุ่งสร้างความตระหนักและแรงบันดาลใจให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติของตนเอง เพื่อประโยชน์ร่วมกันในระยะยาว"

            การอบรมเชิงปฏิบัติการนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 - 21 กรกฎาคม 2568 มีผู้เข้าร่วมโครงการรวม 50 คน ประกอบด้วย อาจารย์ภาควิชาวนวิทยา นิสิตจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ตัวแทน ชุมชนตำบล.งิ้วงาม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบต. ตำบลงิ้วงาม และองค์การบริหารส่วนตำบลช้างไทยงาม มี นายไพรัตน์ วงษ์นายะ นายก อบต.ช้างไทยงาม อ.เสาไห้ จังหวัดสระบุรี และคณะผู้บริหารเข้าร่วม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน คุณแรกขวัญ ผลธัญญา เจ้าหน้าที่ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นวิทยากร บรรยายอีกท่าน ได้เสริมว่า "หัวใจของการอบรมคือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อให้ทุกคนมีความเข้าใจตรงกันและนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้จริงในพื้นที่จังหวัดสระบุรี"

   วันที่20 กรกฎาคม 2568 การเตรียมการและสถานที่ เดินทางเตรียมจัดการอบรม

* วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2568

- การมีส่วนร่วม การจำลองการจัดการพื้นที่การเกษตร

   * การทบทวนเรื่อง "การบริการของระบบนิเวศป่าปลูก"

   * การปฏิบัติการ "เทคนิคและสถานการณ์จำลองเพื่อการเรียนรู้บริการของระบบนิเวศป่าปลูกและการวางแผนดูแลป่าปลูกอย่างมีส่วนร่วม" (ต่อเนื่อง)

   * การบรรยายหัวข้อ "ภาวะโลกร้อนและคาร์บอนเครดิตป่าไม้" และ "การจัดการด้านการคำนวณคาร์บอนเครดิตป่าไม้" (ต่อเนื่อง)

   * การปฏิบัติการ "การฝึกทักษะการดำเนินการด้านการคำนวณคาร์บอนเครดิตป่าไม้"

   * การประเมินผลการจัดกิจกรรมและพิธีปิดการอบรม

 และจะร่วมกันปลูกป่าในวันที่ 25  กรกฎาคม 2568 นี้

โครงการนี้ไม่เพียงแต่ให้ความรู้เชิงวิชาการ แต่ยังมุ่งหวังให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม โดยมีตัวชี้วัดความสำเร็จที่ชัดเจน คือ ผู้เข้าร่วมโครงการกว่าร้อยละ 80 จะมีความพึงพอใจและได้รับความรู้เกี่ยวกับบริการของระบบนิเวศป่าไม้เพิ่มขึ้น รวมถึงการมีแนวทางการดูแลป่าปลูกร่วมกันระหว่างชุมชนกับศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดสระบุรี

            โครงการนี้ยังตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) หลายประการ โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 15: การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางบก และเป้าหมายที่ 17: ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและผลกระทบเชิงบวกที่ครอบคลุมมิติทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของจังหวัดสระบุรี

ร.ต.สุประวีณ์  บุญธิคำ บรรณาธิการข่าว รายงาน