สำนึกรักบ้านเกิด ผู้ว่าฯสระบุรี บูรณาการโครงการฯTCMAนำผู้ผลิตปูนซีเมนต์ ร่วมจังหวัดสระบุรีโชว์ความก้าวหน้า 1 ปี"สระบุรีแชนด์บ็อกซ์ รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย" ก้าวไปข้างหน้า
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 ที่อาคารรณนภากาศ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการังหวัดสระบุรี ได้กล่าวเปิดงาน"สระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนด์ต่ำแห่งแรกของประเทศไทย เพื่อสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของทั้งภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม ภาคประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีแนวคิดการมีส่วนร่วม ด้านสิ่งแวด กับการร่วม กันถอดบทเรียน 1 ปีที่ผ่านมา และการระดมความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อนำมาวางแผนเดินหน้าระยะต่อไปให้บรรลุเป้าหมาย สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ มี ผู้เข้าร่วมงานจากภาคส่วนต่างๆ กว่า 700 คนTCMA นำอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ร่วมจังหวัดสระบุรี โชว์ความก้าวหน้า 1 ปี"สระบุรีแซนด์บ็อกซ์" รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย
TCMA นำผู้ผลิตปูนซีเมนต์ ผนึกกำลังจังจังหวัดสระบุรี หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมโชว์ความก้าวหน้า 1 ปี "สระบุรีแชนด์บ็อกซ์"รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนตำแห่งแรกของประเทศไทย พร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องทั้งด้านการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด การส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียว การสร้างมูลค่าเพิ่มจากคาร์บอน ด้วยแรงหนุนจากภาคีพันธมิตรเชื่อมโยงความร่วมมือต่างประเทศ ด้านเทคโนโลยี และแหล่งทุนสีเขียว สู่เป้าหมายเมืองคาร์บอนต่ำ
"สระบุรีแซนด์บ็อกซ์" การทำงานเชิงพื้นที่ โดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม (Public-Private-PeoplePartnership: PPP) นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี มี 3 ภาคีหลัก-จังหวัดสระบุรี สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี ร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาจังหวัดสระบุรีสู่เมืองคาร์บอนต่ำ"SARABURI SANDBOX LOW CARBONCITY""เชื่อมโยงความร่วมมือองค์กรหลายภาคส่วน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านโครงการต้นแบบกว่าหนึ่งปีของการขับเคลื่อนนับจากการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันเมื่อวันที่ 15สิงหาคม พ.ศ. 2566 นำมาซึ่งความก้าวหน้าตามลำดับ และยังคงมีเป้าหมายที่ต้องเดินหน้ากันต่อใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ 1. การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด 2. การผลักดันอุตสาหกรรมสีเขียว 3. การสร้างมูลค่าให้วัสดุเหลือใช้ 4.การส่งเสริมด้านเกษตรกรรมคาร์บอนต่ำ และ 5.การเพิ่มพื้นที่สีเขียว ด้วยความร่วมมือสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชนภาคประชาสังคม และแสวงหาแหล่งทุนสีเขียวเพื่อจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 5ล้านตันคาร์บอน-ไดออกไซต์เทียบเท่าภายในปีพ.ศ. 2570
นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เปิดเผยว่า "สระบุรีแชนด์บ็อกซ์" เป็นความร่วมมือขับเคลื่อนการทำงานจากหลายภาคส่วน มีหลักสำคัญในการทำงานร่วมกัน 4ข้อ ได้แก่ 1. ทำทันที 2. ไม่มีอะไรถูก ไม่มีอะไรผิด สามารถปรับการทำงานได้ตลอดเวลา 3. เห็นต่างได้ แต่ห้ามขัดแย้ง หาข้อสรุปและแนวทางที่เหมาะสมร่วมกัน4. ยิ้ม เพื่อเกิดความสนุกในการทำงานร่วมกันโดยจังหวัดสระบุรีพร้อมเป็นจังหวัดนำร่องในการทดลองใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม หรือเป็นพื้นที่ในการศึกษาวิจัยของหน่วยงานต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้จากการทดลองมาปรับใช้ในพื้นที่ และขยายผลไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นๆ เพื่อให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคตอันใกล้ รวมถึงประชาชนและชุมชนในพื้นที่จังหวัดสระบุรี จะต้องได้รับประโยชน์ มีกิน มีใช้ มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้น การดำเนินงานในระยะต่อไปจะสำเร็จลุล่วงได้ ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากได้รับการสนับสนุนด้านนโยบายจากภาครัฐ ที่จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหากทุกภาคส่วนมีเป้าหมาย และหลักในการทำงานร่วมกัน จะช่วยให้สระบุรีแซนด์บล็อกซ์ เกิดผลสัมฤทธิ์ในการทำงาน และสามารถเป็นต้นแบบให้จังหวัดและหน่วยงานอื่นๆ นำไปเป็นแนวทางในการทำงานในพื้นที่ได้ในอนาคต รวมทั้งสามารถตอบสนองแผนงานลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศได้ตามเป้าหมาย
ด้าน ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) และรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า TCMAเป็นความร่วมมือของผู้ผลิตปูนชีเมนต์ชั้นนำของประเทศไทย และเป็นอุตสาหกรรมภาคการผลิตหลักของจังหวัดสระบุรี จึงสามารถมีส่วนสนับสนุนสำคัญต่อการดำเนินงานสระบุรีแซนต์บ็อกซ์ นอกจากนี้ TCMA อยู่ระหว่างการเดินหน้านำอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์สู่การปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ในปี พ.ศ. 2593ตามแผนที่นำทาง Thailand 2050 Net ZeroCement and Concrete Roadmap 2050 จึงมีความตั้งใจ และมีความพร้อมในการร่วมลงมือทำให้สระบุรีแชนด์บ็อกซ์ เมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทยนี้ให้เกิดขึ้นโดยทำงานขับเคลื่อนในหลายด้าน ทั้งในส่วนของกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ การสนับสนุนความร่วมมือภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และการเชื่อมโยงความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ เพื่อแสวงหาแหล่งทุนสีเขียว (Green Fund) เข้ามาสนับสนุนดำเนินงานระยะ 1 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมปูนชีเมนต์มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสระบุรีแซนด์บล็อกซ์อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุม 1) ด้านกระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์(Industrial Process and Product Use: IPPU)การวิจัยพัฒนาใช้วัสดุทดแทนปูนเม็ดเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต และการใช้นาโนเทคโนโลยีเพื่อให้ปูนซีเมนต์มีคุณสมบัติดีขึ้น
ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งการพัฒนาความรู้
การปรับเปลี่ยนเครื่องจักร การส่งเสริมการลงทุนรวมไปถึงการปรับเปลี่ยนข้อกำหนด
มาตรฐานการใช้งานของแต่ละหน่วยงานให้สอดคล้องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
และการส่งเสริมใช้งานปูนชีเมนต์ไฮดรอลิกแทนปูนชีเมนต์ชนิดเดิม ทำให้ระหว่างปี พ.ศ.
2566-2567 สามารถช่วยลดคาร์บอนได้กว่า 1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ 2) การยกระดับพัฒนาเหมืองแร่สีเขียว
โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย(Green and Smart Mining) เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
ควบคู่กับการบริหารจัดการพัฒนาพื้นที เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชนใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
(LandRehabilitation Featured in Sustainability) 3)การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
ด้วยการนำความร้อนเหลือทิ้งกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่เพื่อผลิตไฟฟ้า (Waste
Heat Recovery: WHR)การเพิ่มการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์
การใช้เชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass)และเชื้อเพลิงขยะ (Refuse
Derived Fuel: RDF)ทดแทนถ่านหิน ด้วยกระบวนการเผาร่วมในเตาเผาปูนซีเมนต์
(Co-Processing in Cement Kiln)สามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ประมาณ9
- 12 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี และลดการเกิดฝุ่น PM 2.5 จากการเผาของภาคเกษตรและช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร รวมทั้งทำให้การจัดการขยะของจังหวัดสระบุรีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นำไปสู่การฝังกลบเป็นศูนย์ (ZeroLandfill) 4) การสร้างมูลค่าเพิ่มจากคาร์บอนด้วยการวิจัยใช้ประโยชน์จากคาร์บอน
(CarbonUtilization) เช่น เมทานอล นอกจากนี้ สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ยังเป็นคลัสเตอร์กลุ่มอุตสาหกรรมแรกของไทย
ที่ได้รับตอบรับเข้าร่วมโครงการTransitioning Industrial Clusters ขององค์กรระดับโลก World Economic Forum ด้วย"แม้ปัจจุบันการร่วมกันขับเคลื่อนโครงการสระบุรีแซนด์บ็อกซ์
มีความคืบหน้าไปมากจากจุดเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนสระบุรีแซนด์บ็อกซ์
ให้ไปสู่เป้าหมายการเป็นเมืองคาร์บอนต่ำได้สำเร็จนั้น ต้องใช้นวัตกรรมและรูปแบบการทำงานข้ามภาคส่วน
ความเข้มแข็งของเจ้าของพื้นที่ และผู้นำของแต่ละภาคส่วนที่มีบทบาทแตกต่างกัน
รวมทั้งการขอรับการสนับสนุนจากระดับนานาชาติที่มากพอให้เกิดการสร้างความเปลี่ยนแปลง
และเพิ่มโอกาสของการได้รับการสนับสนุน การเดินหน้าต่อจากนี้
ยังคงต้องการแรงสนับสนุนอีกมาก ทั้งความร่วมมือจากหลายส่วนงานในประเทศ และเชื่อมโยงความร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศอาทิ
Global Cement and Concrete Association(GCCA), United Nations IndustrialDevelopment
Organization (UNIDO), GIZองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน
หรือหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นๆ ที่พร้อมเข้ามาร่วมสนับสนุนดำเนินงาน ทั้งด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงาน
(Energy Transition)และ Carbon Capture, Utilization
and Storage(CCUS) ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ของประเทศ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายของภาครัฐ รวมถึงการสนับสนุนข้อมูล เทคโนโลยีและแหล่งทุนทั้งในและต่างประเทศ
เพื่อให้สามารถเกิดขึ้นได้" ดร. ชนะ กล่าว
ร.ต.สุประวีณ์ บุญธิคำ บรรณาธิการข่าว รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น