วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568
บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: จังหวัดสระบุรีอบรมอาสาป้องกันไฟป่าจังหวัดสระบุรี ร...
จังหวัดสระบุรีอบรมอาสาป้องกันไฟป่าจังหวัดสระบุรี รุ่นที่ 3
วันที่ 30 มกราคม 2568 นายบัญชา เชาวรินทร์ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเป็นประธานการเปิดโครงการอบรมอาสาป้องกันไฟป่า จังหวัดสระบุรี รุ่นที่ 3 พร้อมด้วยนายอดิศักดิ์ ภูสิทธิ์วงศานุยุต ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สาขาสระบุรี,ว่าที่ร้อยตรี ธนัทพัชร์ ประสมทรัพย์ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสระบุรี,นายอภิสิทธิ์ ธีรภาพรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี – เมจิ จำกัด,นายมนตรี ปรีดานายอำเภอแก่งคอย,นายสันทัศน์ รันดาเวนายอำเภอหนองแค,นส.อศิรวรรณ เพาะพืชนายอำเภอวิหารแดง,นายรังสรรค์ ทางทองปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคง อำเภอเมืองสระบุรี,หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสระบุรีและผู้เข้าร่วมการอบรมร่วมพิธีเปิด ที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี
การอบรมอาสาป้องกันไฟป่าจังหวัดสระบุรี ในครั้งนี้เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและดับไฟป่าอย่างรวดเร็ว มีหัวข้อสำคัญประกอบด้วยความรู้เบื้องต้นการเกิดไฟป่าและการดับไฟป่าการปฐมพยาบาลเบื้องต้นในสถานการณ์ฉุกเฉิน การใช้งานแผนที่และการเอาตัวรอดในกรณีหลงป่า การสร้างเครือข่ายในการป้องกันไฟป่าและ PM 2.5
โครงการนี้ยังสอดคล้องกับนโยบาย “สระบุรี แซนด์บ็อกซ์” ซึ่งมุ่งเน้นการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่น เพื่อสร้างสมดุลทางสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ โดยมีวัตถุประสงค์ของการอบรม เพื่อให้ผู้นำชุมชน ประชาชน เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครต่างๆในพื้นที่มีส่วนร่วมในการป้องกันไฟป่าและช่วยกันควบคุมไฟป่าไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่นเมื่อเกิดไฟป่าขึ้น เพื่อลดความสูญเสียของทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่ารวมถึงชีวิต ทรัพย์สิน สิ่งก่อสร้างของประชาชนและของทางราชการ เพื่อสร้างแนวร่วมในการป้องกันและอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ระหว่างเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สาขาสระบุรี องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ผู้นำหมู่บ้าน และชุมชนที่มีพื้นที่ติดต่อกับเขตป่าไม้รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่าในพื้นที่ที่ได้รับการฝึกอบรมแล้ว สามารถร่วมกันดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
โดยมีการบรรยาย การฝึกภาคปฏิบัติ โดยใช้วิทยากรจากสถานีควบคุมไฟป่าซับลังกา
– เขาสมโภชน์ สถานีควบคุมไฟป่าเจ็ดสาวน้อยสามหลั่น
และชุดกู้ภัยอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อยซึ่งในการฝึกอบรมอาสาป้องกันไฟป่าจังหวัดสระบุรี
รุ่นที่ 3ในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมฝึกอบรมฯ จำนวน 120 คน โดยซีพี-เมจิ สนับสนุนการอบรมอาสาป้องกันไฟป่า จังหวัดสระบุรี ได้แก่
เสื้ออาสาป้องกันไฟ 320 ตัวไม้ตบไฟ 260 อัน.ถังน้ำสะพายหลังสูบมือ 4 ใบ.เครื่องเป่าใบไม้ 3 เครื่องรวม 587
ชิ้นพร้อมทั้งค่าอาหารและเบี้ยเลี้ยงวิทยากร มูลค่ารวมกว่า 250,000 บาท
#SARABURI SANDBOX
#Saraburi Low Carbon City
#คุณภาพชีวิตดีคนสระบุรี
ไม่ทอดทิ้งกัน
บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: อำเภอเสาไห้สระบุรี แถลงข่าว ย้อนตำนาน 221 ปี ไท-ยว...
อำเภอเสาไห้สระบุรี แถลงข่าว ย้อนตำนาน 221 ปี ไท-ยวน สระบุรี ตานก๋วยสลาก สืบสานประเพณีอันดีงาม
วันที่ 29 มกราคม 68 จังหวัดสระบุรีจัดแถลงข่าวเตรียมจัดกิจกรรมงาน "ส่งเสริมและสืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทยวนสระบุรี ตานก๋วยสลาก ย้อนตำนาน 221 ปี ไท-ยวน ประจำปี 2568" เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามในท้องถิ่นที่จะสูญหายไป และเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของอำเภอเสาไห้ โดยมีนายชินนาอาชว์ รสิอัครศักดิ์ นายอำเภอเสาไห้ เป็นประธานการแถลงข่าวการจัดกิจกรรมฯ พร้อมด้วยนางสาวพัชรศรี สมบัติทวีพูน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสระบุรี นางนิตยา เมธีวุฒิกร รองผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพระนครศรีอยุธยา และนางกฤษณา พิทยาบุตร ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอเสาไห้ กำหนดจัดงานวันที่ 7 - 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ที่บริเวณวัดเขาดินใต้ ตำบลหัวปลวก อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี
เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีเก่าแก่ของพี่น้องชาวไทยวน ที่นำการถวายสักการะบรรพชนด้วยการสร้างขบวนเครื่องไทยทานอันยิ่งใหญ่ประกอบ ด้วยก๋วยสลากสูงใหญ่อลังการ นำเป็นขบวนแห่ถวายเป็นพุทธบูชา ทั้งนี้ในงานจัดให้มีมหรสพตามประเพณี การประกวดละอ่อนน้อยไท-ยวน
ท่านจะได้พบกับขบวนแห่ที่ ผู้นำชุมชน ประชาชนชาวไท-ยวน อ. เสาไห้ พร้อมใจกันประดิษฐ์ก๋วยสลาก จัดขบวนแห่อันสวยงาม ตามงบประมาณที่ได้รับ แต่จัดปัจจัยใส่ก๋วยด้วยแรงศรัทธา ของประชาชนในพื้นที่ ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของงานประเพณี
นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ในชุมชนอำเภอเสาไห้ และชุมชนสระบุรี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และได้ซื้อหาบริโภคสินค้าของท้องถิ่นที่มีอัตลักษณ์ที่งดงาม และการจัดการแสดงแสงเสียงที่ยิ่งใหญ่ตระการตาตำนานของชาวไทยวนสระบุรี การกำเนิดเกิดก่อจนถึงการอพยพจากเมืองเชียงแสนเข้าสู่ภาคกลางโดยเฉพาะจังหวัดสระบุรี และยังรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมของชาวเชียงแสนโบราณมาจวบจนทุกวันนี้ ประเพณีตานก๋วยสลาก หมายถึงประเพณีถวายทานสลากภัต
เป็นวิธีการถวายเครื่องไทยทานแก่พระสงฆ์วิธีหนึ่งอันเป็นที่นิยมของชาวเหนือ โดยทั่วไปจะเริ่มใน วันเพ็ญ เดือน 12 เหนือ (กันยายน) ถึงแรม1 ค่ำ เดือนเกี่ยงดับ (พฤศจิกายน) เมื่อทาง วัด และชาวบ้านตกลงกันว่าจะจัดให้มีการกินสลากก่อนวันตานก๋วยสลาก ชาวบ้านจะจัดทําพิธีเตรียมสิ่งของเครื่องไทยทาน 1 วัน เรียกวันที่เตรียมของนี้ว่า “วันดา” ชาวบ้าน จะจัดเครื่องไทยทานลงใน “ก๋วย” เป็นตระกร้า หรือชะลอมขนาดเล็กที่สานด้วยไม้ไผ่ เรียกว่า “ก๋วยสลาก” ประเพณีทำบุญสลากภัต บางพื้นที่เรียกว่า "ทานก๋วย" "ตานก๋วยสลาก" ไทยวนสระบุรีเรียกว่า "บุญกินข้าวสลาก"ซึ่งนิยมทำตามความเหมาะสมของแต่ละชุมชนหรือพื้นที่นั้นๆ โดยไม่ได้เจาะจงช่วงเวลา ในอดีตมักทำในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ช่วงที่ผลผลิตทางการเกษตรออก หรือช่วงออกพรรษา เป็นต้น โดยทางเจ้าภาพจะตระเตรียมต้นสลากภัต ซึ่งก็จะเป็นกระจาดไม้ไผ่ขนาดใหญ่ มีคานสำหรับช่วยกันหามไปยังวัด กลางกระจาดปักไม้ไผ่สูง ตกแต่งเป็นช่อฉัตรหลายชั้นอย่างสวยงามในอดีตจะมีการประกวดกันด้วยว่าหมู่บ้านใดจะทำต้นสลากภัตได้งดงามกว่ากัน ภายในกระจาดบรรจุเครื่องอุปโภค บริโภค อาหาร เสื้อผ้า ผลไม้ ตามแต่ที่จะนำมาทำบุญโดยการถวายตานก๋วยสลากนี้มีจุดมุ่งหมาย 2 อย่างด้วยกัน คือ อย่างหนึ่งเป็นการอุทิศให้เทพยดาและผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว และอีกอย่างหนึ่งเป็นการอุทิศไว้ให้ตนเองเมื่อล่วงลับในภายหน้า การถวายก๋วยสลากถือกันว่าจะได้อนิสงส์แรง เพราะเป็นการทําบุญแบบสังฆทาน ผู้ถวายไม่ได้เจาะจงตัวผู้รับว่าจะเป็นพระภิกษุหรือสามเณรรูปใดรูปหนึ่ง
ร.ต.สุประวีณ์ บุญธิคำ บรรณาธิการข่าว รายงาน
#ประเพณีไทยไม่ใช่ของใครคนเดียว
#ประเพณีจะยิ่งใหญ่ต้องทำด้วยด้วยหัวใจที่ใหญ่ยิ่ง
#สมควรจะก้าวต่อหรือพอแค่นี้
#SARABURI SANDBOX
#Saraburi Low Carbon City
#คุณภาพชีวิตดีคนสระบุรีไม่ทอดทิ้งกัน
วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568
วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2568
บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุด...
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงาน "เทศกาลโคนมแห่งชาติ" ประจำปี 2568
วันอังคารที่ 28 มกราคม 2568 เวลา 09.00 น.สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ประจำปี 2568 และครบรอบปีที่63 แห่งการก่อตั้งฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค ณ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
โดยมีนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ,นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี,นางจิตตินันท์ เชาวรินทร์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรี,นายอดล ไตรรงค์ทอง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสระบุรี,นางสาววรรณรัตน์ เจษฎาจินต์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสระบุรี,นางสาวธิดาพร สุวรรณเกษาวงศ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงสระบุรี,พลตรีเวชศักดิ์ ขันธอุบล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่18,พลตรีสมศักดิ์ รักษาแสง ผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า, พันเอกเอกรัติ เมธาวัฒนานันท์ รองผอ.รมน.สระบุรี, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี,นายวิชัย บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี,ข้าราชการศาล ทหาร ตำรวจ,หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสระบุรี,ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม คณะกรรมการชมรมรวมพลคนรักสถาบันจังหวัดสระบุรี และประชาชน ร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จ
งานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ประจำปี 2568 จัดขึ้นภายใต้แนวคิดน “โคนมไทย พิชิตเป้าหมายสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” โดยงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ จัดขึ้น เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนมแก่พสกนิกรชาวไทย โดยร่วมกับพระเจ้าเฟรดเดอริคที่ 9 แห่งประเทศเดนมาร์ก ทรงประกอบพิธีเปิดฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค ในวันที่ 16 มกราคม 2505 ซึ่งองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) หรือฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค ถือเป็นฟาร์มโคนมแห่งแรกของประเทศไทยที่เป็นต้นแบบในการเรียนรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงโคนมอย่างเป็นระบบ เกษตรกรสามารถนำไปประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคง ทั้งยังส่งเสริมการบริโภคนม เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง การเลี้ยงโคนม เป็นอาชีพพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ที่ต้องการให้เกษตรกรได้ประกอบอาชีพที่มั่นคง และคนไทยมีนมที่มีคุณภาพไว้บริโภคได้อย่างพอเพียงโดยไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันตลาดโคนมยังสามารถเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากมีผู้ต้องการรับซื้อน้ำนมดิบจำนวนมาก ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ มีมาตรการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาเลี้ยงโคนมมากขึ้น รวมถึงมีมาตรการลดต้นทุนการผลิต อาทิ การบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกอาหารสำหรับสัตว์ ลดต้นทุน ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อช่วยให้เกษตรกร ผู้เลี้ยงโคนมมีรายได้เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งนำนโยบายรัฐบาล 'ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้' ผลักดันแบรนด์วัวแดงที่มีจุดแข็งทางการตลาดในประเทศไทยให้เติบโตเป็นแบรนด์พรีเมียม เพื่อส่งจำหน่ายในกลุ่มประเทศอาเซียน และตั้งเป้าหมายตลาดจีนเป็นสำคัญ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อสูง อีกทั้ง ช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมได้อย่างมาก
“องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ดำเนินการจัดงานเทศกาลโคนมแห่งชาติขึ้นเป็นประจำทุกปิ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนม แก่ปวงชนชาวไทย ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศไทยและปวงชนชาวไทย ทำให้ได้มีนมกล่องแรกของคนไทย ภายใต้ชื่อ นมไทย-เดนมาร์ค นมโคแท้ 100% ไม่ผสมนมผง ไว้บริโภคได้อย่างพอเพียง นอกจากนี้ การจัดงานดังกล่าวยังได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของวิทยาการด้านการเลี้ยงโคนมและอุตสาหกรรมโคนมของประเทศไทย ตลอดจนเป็นเวทีให้ผู้เกี่ยวข้องในวงการอุตสาหกรรมโคนมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนความรู้”
ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเที่ยวงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ประจำปี 2568 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ
องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
ระหว่างวันที่ 28 มกราคม – 8 กุมภาพันธ์ 2568
ผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัสกับบรรยากาศฟาร์มโคนม-ไทยเดนมาร์ค
เรียนรู้เกี่ยวกับปัจจัยการเลี้ยงโคนมที่ถูกต้อง ตลอดจนการนำนวัตกรรมใหม่ๆ
มาใช้ในอุตสาหกรรมนมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการและสัมมนาวิชาการจากทั้งภาครัฐและเอกชน
ซึ่งจะเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมโคนมไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานสากลอย่างยั่งยืน”
กิจกรรมสำคัญอีกหนึ่งไฮไลท์ภายในงานคือ การประกวดโคนม ครั้งที่ 40 เพื่อชิงถ้วยพระราชทานจาก
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
โดยจะมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจากทั่วประเทศนำโคนมคุณภาพเข้าร่วมประกวดในหลายประเภท
นอกจากกิจกรรมทางวิชาการแล้ว ผู้เข้าร่วมยังจะได้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมด้านความบันเทิงที่จัดขึ้นตลอดทั้งงาน พบกับศิลปินชื่อดังมากมายที่มาร่วมสร้างความสนุกสนาน
ที่มา-ประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรี
ร.ต.สุประวีณ์ บุญธิคำ บรรณาธิการข่าว รายงาน