วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2566

กอ.รมน.สระบุรีร่วมกับ มทบ.18  นำคณะผู้อบรม โครงการ"คนสระบุรีรักษ์แผ่นดิน" รุ่นที่ 5 ทัศนศึกษา พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติ  และสถานที่อันเป็นประวัติศาสตร์ของชาติไทย







            เมื่อ วันที่ 11 มีนาคม 2566 เวลา 08.00 น. พ.อ.เพิ่มศักดิ์ ขุนโขลน รอง ผอ.รมน.จังหวัด ส.บ.(ท) /รองผบ.มทบ.18  มอบหมายให้ พ.อ. วิโรจน์ ดอนศรีจันทร์  หัวหน้า นโยบายแผนและการข่าว กอ.รมน.จ.สระบุรี พ.ท.นิติวัชร์ วัตถุทอง รองหัวหน้า กองกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 18 นำคณะผู้เข้ารับการอบรม โครงการ"คนสระบุรีรักษ์แผ่นดิน" รุ่นที่ 5 ทัศนศึกษา ศึกษาดูงาน  ณ.พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติ  สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ หมู่ 13 ถนนพหลโยธิน หลักกิโลเมตรที่ 46-48 ตรงข้ามโรงพยาบาลนวนคร ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง แหล่งเรียนรู้พระเกียรติคุณ และพระอัจฉริยภาพ เรียนรู้ศาสตร์พระราชาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการเกษตร บนพื้นที่ 374 ไร่ที่ประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์ภายในอาคาร- พิพิธภัณฑ์ในอาคารพิพิธภัณฑ์ในหลวงรักเรา  พิพิธภัณฑ์มหัศจรรย์พันธุกรรม - พิพิธภัณฑ์ป่าดงพงไพร - พิพิธภัณฑ์วิถีน้ำ – พิพิธภัณฑ์ดินดล พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง – พิพิธภัณฑ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง โครงการส่งเสริมการเรียนรู้เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง และตื่นเต้นกับการชมภาพยนตร์การ์ตูน อนิเมชั่นโครงการพระราชดำริ ฝนหลวง และไบโอดีเชล





























จากนั้นเมื่อเวลา 13.00น.คณะได้เดินทางเข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้ากราบ สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีเมื่อ พ.ศ.1893 กรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางของประเทศสยามสืบต่อยาวนานถึง 417 ปี โดยมีคณะเจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากร กรุณา ให้การบรรยายให้ความรู้  ในการเยี่ยมชมพระราชวังโบราณ  “วัดพระศรีสรรเพชญ์”  และ “วิหารพระมงคลบพิตร” ตั้งอยู่ที่ เขตพระราชวังโบราณ ถนนศรีสรรเพชญ์ ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา














ทั้งนี้มี คณะ“ป้าอยุธยา” คนดัง หรือคุณ กัลยาณี จูปรางค์  ผู้มีใจภักดี เป็นคนไทย คนหนึ่ง ที่มีจิตสำนึกรักในประเทศชาติ บ้านเมือง ยึดมั่นใน 3 สถาบันหลัก คือ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” และมักจะออกมาเคลื่อนไหวทุกครั้ง ที่มีกลุ่มคนเห็นต่างพูดจาใส่ร้ายโจมตี สถาบันฯ ได้เดินทางมาให้การต้อนรับคณะชมรมคนรักในหลวงจังหวัดสระบุรีและจ.ลพบุรี ที่เป็นส่วนหนึ่งของคณะนี้ พร้อมกันนี้ได้ร่วมกิจกรรมสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง อีกด้วย “ป้าอยุธยา” บอกว่าเรา อยากจะเชิญชวนคนทั้งประเทศไทย มาเที่ยวเมืองเก่า มาดูวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนกรุงเก่า สถาปัตยกรรม โบราณสถานต่างๆ จะได้ซึมซับถึงรากเหง้าต้นตระกูลไทย



สำหรับ “วิหารพระมงคลบพิตร” สันนิษฐานว่า หลวงพ่อโต วัดมงคลบพิตร เป็นวัดในพุทธศาสนาที่ สร้างขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง กรุงศรีอยุธยาตอนต้น ต่อมาเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 วิหารพระมงคลบพิตรได้ถูกข้าศึกเผาทำลายจนเสียหาย จนกระทั่งได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์อีกครั้ง ในสมัยรัชกาลที่ 5














เมื่อ เวลา 15.00น.คณะได้เดินทางไปวัดพนัญเชิง เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา ไหว้สักการะ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ และใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา หน้าตักกว้าง 20 เมตรเศษ สูง 19 เมตร เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย เคยได้รับความเสียหายในสมัยเสียกรุง แต่ก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาโดยตลอด จนกระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. 2394 ได้โปรดเกล้าให้บูรณะใหม่หมดทั้งองค์ และพระราชทานนามใหม่ว่า พระพุททธไตรรัตนนายก หรือที่รู้จักกันในหมู่พุทธศาสนิกชนชาวไทยเชื้อสายจีนว่า หลวงพ่อซำปอกง 

  



หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก หรือพระโตของชาวอยุธยาองค์นี้ ถือกันว่าเป็นพระโบราณคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่แรกสร้างกรุง พงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๑๘๖๘ หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ สถาปนากรุงศรีอยุธยา ๒๖ ปีและเมื่อกรุงศรีอยุธยาใกล้จะแตกปรากฏในคำให้การขาวกรุงเก่าว่าพระปฏิมากรใหญ่ที่วัดพนัญเชิงมีน้ำพระเนตรไหลเป็นที่อัศจรรย์ หลวงพ่อโตเป็นพระองค์หนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพนับถือในหมู่ชาวจีนมากโดยเรียกกันว่า “ซำปอกง” นอกจากชาวไทยแล้วยังมีผู้มีเชื้อสายจีนหลั่งไหลกันมากราบไหว้บูชาจำนวนมากและเป็นประจำทุกปี 









ร.ต.สุประวีณ์ บุญธิคำ/บรรณาธิการข่าว รายงาน

 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น