สระบุรี- ชาวบ้านทับกวาง 1,200 คนนัดรวมพลังต้านคัดค้านการการปรับแก้ผังเมืองเอื้อนายทุนก่อสร้างโรงงานกำจัดขยะอุตสาหกรรม จากต่างถิ่น มาทำลายสิ่งแวดล้อม
เมื่อ วันที่ 12 มี.ค. 66 เวลา 16.00 น. มี ชาวบ้าน 5 หมู่บ้าน ในตำบลทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้ทยอยนัดรวมตัวกัน พร้อมถือบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมสำเนาบัตรร่วมลง ชื่อคัดค้านการก่อสร้างโรงงานขยะอุตสาหกรรม ในนามของ บริษัท ไทย กรีนฯ จำนวนกว่า 1,200 คน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 3 ต.ทับกวาง บนพื้นที่ 43 ไร่ ใกล้โรงเรียน วัด ชุมชน มี ชาวบ้านพร้อมป้ายแสดงข้อความการคัดค้าน ต่างๆมารวมตัวกัน.ที่บริเวณใต้สะพานทางด่วน ชุมชนหนองปู93 และมีอดีตข้าราชการที่เคยผ่านงานด้านรักษาสิ่งแวดล้อม ได้หมุนเวียนขึ้นเวทีแสดงความเห็นคัดค้านการก่อสร้างโรงงานขยะในพื้นที่หวั่นได้รับผลกระทบทั้งด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อมเสียหายหนัก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จาก สภ.แก่งคอย เข้ารักษาความสงบเรียบร้อย และมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองครองเข้าร่วมสังเกตุกาณ์
เวลา 17.00น. โดยนางอาภารัตน์ มหาขันธ์ นักวิชาการอิสระบุรี อดีตข้าราชการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ขึ้นกล่าวถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและแรงจูงในให้กลุ่มนายทุนจีน เข้ามาสร้างโรงงานขยะในพื้นที่ ตอนหนึ่งว่า ผลผลิตสุดท้ายของการเผาขยะทั้งหมด จะออกมาเป็นคล้ายผงปูน เขาก็จะอ้างว่า เอาผงปูนไปใช้ในการผลิตต่างๆไปทำเป็นตัวที่ใช้ในทางการ เรียกว่า เวฟเบรกเกอร์ แล้วไปทิ้งตรงทะเล ส่วนที่มันจะถูกขึ้นตัวอย่างที่เห็นการใช้ประโยชน์ ทีนี้ถ้าเรากลับมาดูตอนนี้แต่ปัญหาเบื้องหลังมันคืออะไรขยะที่เป็นพิษตอนนี้ และมีการนำมารีไซเคิล จะมีที่ เน้นที่สุด ก็เป็นเรื่องของขยะอิเล็กทรอนิกส์เขาจะแบ่งจริงๆแล้วแบ่งเป็นขยะที่ 3 ประเภทกากๆของเสียจากอุตสาหกรรม แล้วก็เรื่องของขยะติดเชื้อนะคะขยะติดเชื้อจากโรงพยาบาลแล้วก็เรื่องของอากาศของเสียจากบ้านเรือนคือเช่นไฟฉายพวกแบตเตอรี่ต่างๆหรือว่ากระป๋องยาฆ่าแมลงอันนี้ก็จะต้องมีวิธีการจัดการ อันนี้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหามากเท่าไหร่จัดการได้ ของเสียที่เป็นขยะติดเชื้อเนี่ยเขาก็มีวิธีการเอาไปเผา อุตสาหกรรมหรือของเสียที่เป็นประเภทกากขยะอิเล็กทรอนิกส์อันนี้ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆหรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือตอนนี้เขาจะมีวิธีการที่จะกำจัดของเสียพวกนี้เยอะมาก แล้วการที่เขาจะเรียกคืนส่วนที่เป็นพลาสติกก็ตามส่วนที่เป็นโลหะซึ่งเป็นโลหะที่มีค่าสูง ออกมา ท่านทราบไหมว่าโทรศัพท์มือถือ 200,000 เครื่อง สามารถแยกออกมาเป็นทองคำได้ 1 กิโลกรัม อันนี้เป็นสิ่งที่เรียกว่าจูงใจมากเลยแต่ในกระบวนการแยกนี่ สำคัญมากเพราะว่าจะต้องมีการใช้สารเคมีอันตรายต่างๆเช่นใช้กรดในการย่อยในการแยกแยะมากมายแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นหรือใช้กระบวนการเผา เราจะทราบเลยว่ากลิ่นที่เกิดจากการเผายางก็ดีเขาอย่างเพื่อที่จะเอาโลหะที่อยู่ในยางอย่าง radial ต่างๆหรือเปล่าพลาสติกต่างๆหรือใช้กรดในการแยกสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดควันควันที่เป็นกรด กรดคือตัวปัญหาทำลายสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ทั้งกลิ่นและมลพิษในพื้นดิน
จากนั้น ดร.เรืองเกียรติ สุวรรณโนภาส ประธานองค์กรคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรป่ามิตรภาพ ได้กล่าวถึงแนวทางการต่อสู้กับกลุ่มนายทุนที่พยายามเข้ามาทำลายระบบนิเวศน์ และนายทรงเกียรติ กรุดน้อย ถามหาความรับผิดชอบ จากผู้นำชุมชนกำนันผู้ใหญ่บ้าน ว่าทำไมปล่อยให้โรงงานแห่งนี้เกิดขึ้น พร้อมขอให้ขึ้นมาชี้แจงในสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านของตนได้อย่างไร และแกนนำได้สลับกันขึ้นเวที กัน
ต่อมา นาย ปู แตงอ่อน สมาชิกสภาเทศบาลเมืองทับกวาง กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนโดนข่มขู่ มาหลายรูปแบบ ถ้าจัดการชุมนุมไม่มีคนมา หรือมาน้อย ระวังจะโดนฟ้อง ส่วนผู้ใหญ่บางคน ก็เป็นกำลังใจในการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เมื่อชาวบ้านไว้วางใจก็จะทำหน้าที่ ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเพราะทุกคนที่มาในวันนี้ ถือว่าเป็นแกนนำการต่อสู้ในครั้งนี้กันทุกคน ทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือจะไม่รับสิ่งไม่ดีและจะไม่ทิ้งความเลวร้ายนี้ไว้ให้กลับลูกหลาน โรงงานขยะ ตั้งอยู่ย่านชุมชนบ้านซับมะฟ่อ ที่ดินขนาดประมาน 50 ไร่ ด้านหน้าติดเขา ด้านข้างติดชุมชน ด้านหลังติดโรงเรียนเทศบาล 2 จิตรประไพชาเร่ ท้ายโรงงานติดคลองถามว่าใกล้โรงเรียน 500 เมตร มันสมควรหรือไม่ครับ ห่างจากโรงเรียนไม่กี่ 100 เมตรทำได้อย่างไรถามว่าวันนี้ตำบลทับกวางมีจุดที่มีอากาศดีดีตรงไหนเหลือไว้ให้ลูกหลานบ้าง ลูกหลานในอนาคตจะต้องเกิดและโตมาสภาวะแบบนี้ใช่มั้ย โดยตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทางเทศบาลเมืองทับกวาง ได้มีการปรับแก้ผังเมือง(ลงนามเทศบัญญัติ เมื่อ29 ธ.ค.2565 ) 30 วันหลังการประชุม บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโรงขยะ โรงงานลำดับ 106 จากเดิมพื้นที่แห่งนี้ (บริเวณหนองปู)ถูกกำหนดเป็นพื้นที่ สีเขียว ซึ่งไม่สามารถทำการก่อสร้างโรงงานได้ แต่หากจำเป็นต้องมีการก่อสร้าง ต้องมีการทำประชาคม จากชาวบ้านพื้นที่โดยรอบ แต่ที่ผ่านมา ชาวบ้านทั้ง 5 หมู่บ้าน ไม่ได้รับแจ้งให้เข้าร่วมทำประชาคมเลยสักครั้ง แต่เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ชาวบ้านเพิ่งทราบว่าจะมีการก่อสร้างโรงงานขยะขึ้นในพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านเริ่มเห็นความไม่โปร่งใสในการลงนามอนุมัติการ ก่อสร้างโรงขยะแห่งนี้ เมื่อ 30 มกราคม 2566 เนื่องจากมีการผ่านการทำประชาคมจากชาวบ้านมาแล้วอย่างถูกต้อง แต่กลับไม่มีชาวบ้านคนไหนทราบเรื่องการประชาคมที่เกิดขึ้นเลย โดนอ้างว่าไม่จำเป็นต้องทำประชาคม เพราะเป็นไปตามกฎหมายที่ได้ผังเมืองที่กำหนดขึ้นมาใหม่
จากนั้น
นาย ปู แตงอ่อน
สมาชิกสภาเทศบาลเมืองทับกวาง ได้ยื่นหนังสือร้องเรียน ต่อ นาง นิตยา
ปัตตะแวว คณะทำงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ด้านกฎหมายของประชาชนในคณะกรรมาธิการ
การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน
เพื่อจะนำเรื่องทั้งหมดเข้าสู่สภา โดยผ่านคณะกรรมาธิการ
การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ต่อไป
ด้าน นาง นิตยา ปัตตะแวว (คณะทำงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ด้านกกฎหมายของประชาชนในคณะกรรมาธิการ การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน) กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไป หลังจากที่เรารับหนังสือร้องทุกข์ของทางนี้แล้ว ก็จะเข้าคณะทำงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ด้านกฎหมายของประชาชนต่อไป เพราะว่าในคณะทั้งหมด 60 กว่าคน ที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการกรรมาธิการ การมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งตอนนี้วุฒิสภาได้ทำmouกับสภาทนายความ และก็มีคณะกรรมการจากสภาทนายความมาร่วมดำเนินการอยู่ด้วย ซึ่งเรามองดูแล้วว่าปัญหาทางนี้ เป็นปัญหาระดับประเทศ ในจังหวัดเราบางทีอาจจะยื่นตามขั้นตอนไป แต่ในขณะเดียวกันส่วนของสภา เขาก็จะทำเรื่องของเขาเหมือนกันว่า หลังจากมีการประชุมกันเสร็จแล้ว 1 2 3 4 จะทำอย่างไรต่อ เหมือนกับเรื่องรถไฟฟ้าความเร็วสูงของอ.หนองแซง ตอนนั้นเราได้รับเรื่องไปแล้ว ก็มีการดำเนินการต่อ จนตอนนี้ประชาชนได้รับคำตอบที่พึงพอใจในระดับนึงแล้ว และวันที่ 15 ได้มีหน่วยงานของสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจราชการ ลงมากันเยอะเลย ซึ่งตอนนี้เกิดจากถามเรื่องประชาพิจารณ์ ว่าประชาพิจารณ์ไปแล้ว ทำไมประชาชนยังมาคัดค้าน ซึ่งมันก็เกิดปัญหาเหมือนทั่วๆไป ตอนนี้เราดูแล้วว่าจังหวัดสระบุรีของเรา ก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมขยะถึงชอบมาเมืองสระบุรี มันไม่เหมือนจังหวัดอื่นๆ เพราะจังหวัดอื่นของเขาขยะอยู่นอกเมือง แต่นี่อยู่ในอำเภอเมือง และเทศบาลเมืองอีก ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นเพื่อไม่ให้จังหวัดสระบุรี เป็น จังหวัดขยะบุรี เราต้องช่วยกัน เพราะว่าในชุมชนก็ต้องไปรับผลกระทบ และในขณะเดียวกันก็มีโรงเรียนเด็กน้อย ที่จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะชาวบ้านเขาเคยเห็น ว่าแห่งแรกก็ยังมีปัญหา แก้ไขไม่ได้ อย่างที่ 2 เขาก็ต้องเกิดการตื่นตัวเป็นธรรมดา ดังนั้นเราก็คิดว่าในส่วนของเราที่เป็นตัวแทนคณะทำงานของวุฒิสภา ตรงนี้ เราก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด//
ร.ต.สุประวีณ์ บุญธิคำ/บรรณาธิการข่าว
รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น