วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2564


สระบุรี -หนุ่มวัยเบญจเพส 2 คน วัย 25 เท่ากัน ซิ่งเก๋งเสียหลักชนเสาไฟฟ้าข้างทางความแรง ตัดตัวเก๋งขาดครึ่ง ดับ 2 ราย









เมื่อ 3 มิ.ย. 64  ร.ต.อ.ธนรัตน์ กำเนิดดี รองสารวัตร (สอบสวน) สภ. เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เกิดเหตุ รถเก๋งชนเสาไฟฟ้ามีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดถนน สบ. 3004 สายอดิเรกสาร หมู่ 2 ตำบลบ้านแก้ง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็น   ถนนสาย รอง จาก อำเภอ แก่งคอย ไปตัวเมือง สระบุรี จากการ ตรวจสอบ พบรถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน กง 3503 สระบุรี ในสภาพเศษชิ้นส่วน รถแตกกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ  ส่วนตัว รถอยู่ในสภาพ ขาด 2 ท่อน   ส่วนท้ายรถ ติดคาอยู่ที่โคนเสาไฟฟ้า  ส่วนหัว รถกระเด็นไปไกล ประมาณ 10 เมตร

ในที่เกิดเหตุ  ยังพบผู้เสียชีวิต ติดคาซากรถ จำนวน 2 ราย ทราบชื่อ นาย กิตติทัศน์  ยอดดี อายุ25ปีเป็น คนขับ ส่วน เพื่อนที่นั่งมาเสียชีวิตด้วย ทราบชื่อนายยงยุทธ วงษ์ทอง อายุ 25 ปี เท่ากัน ไม่ทราบที่อยู่ สภาพศพทั้ง 2 มีกระดูกหักหลายแห่ง และแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ







นาย สิรสิทธิ์  ยอดดี พี่ชาย (นาย กิตติทัศน์) ผู้ตาย   เล่าว่า น้องชายมีกำหนดบวชเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา แต่เกิดโควิดระบาด ห้ามจัดงาน เลยต้องเลื่อน ไม่คิดว่าจะมาเสียชีวิตแบบนี้  ทำให้ครอบครัวเสียใจมาก และยังทำใจไม่ได้ ซึ่งน้องชายครบอายุ 25 ปีพอดี เข้าเกณฑ์เบญจเพสก็อาจจะมีเคราะห์ ปกติน้องชายตนเอง จะ ขี่รถจักรยานยนต์ เป็น ประจำ ไม่ค่อยได้ขับรถเก๋ง  แต่ ตนเอง คาดว่า น้องชาย คง จะเดินทางไปไกล จึงได้ ขับรถเก๋ง ออกมา จากบ้าน ซึ่งอาจ มีธุระด่วน จึง ขับเร็ว ประกอบกับไม่ชำนาญ การ ขับรถยนต์ ทำให้ รถเสียหลัก ชนเสาไฟฟ้า ข้างทางดังกล่าว   อย่างไรก็ตาม

จากการ สอบถาม ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า รถคนดังกล่าว วิ่งมาจาก บ้านพัก ในตำบลเตาปูน อำเภอแก่งคอย ด้วยความเร็วสูง  ซึ่งจุดดังกล่าว เป็นช่วงทางโค้ง  จากนั้นเสียหลัก พุ่งเข้าชน เสาไฟฟ้า ข้าง ทางอย่างแรง ส่งผลให้ สภาพรถ เป็นอย่างที่เห็น และมีผู้เสียชีวิต คาที่ ดังกล่าว  

ด้านเจ้าหน้าที่ ตำรวจสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่ารถเก๋งวิ่งด้วยความเร็ว จากตำบลตาลเดี่ยว มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองสระบุรี ก่อนเสียหลักชนฟาดเสาไฟฟ้าแรงสูงบริเวณทางโค้ง  ได้เก็บ รวบรวมหลักฐาน พร้อมทั้งหลังจากนี้ จะตรวจสอบ หากล้องวงจรปิด ในบริเวณ จุดเกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุ ที่แท้จริงต่อไป


CR: นันท์ สระบุรี

จ.ส.อ.สุประวีณ์  บุญธิคำ/บรรณาธิการข่าว

 

 


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น