วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562



สยองพบศพชายนิรนาม ลอยตายแม่น้ำป่าสัก ที่ อ.แก่งคอย  ขณะชาวบ้านหาปลาเห็นตัวตะกวดขี่นั่งกินศพไหลมา เจ้าหน้าที่เร่งสืบหาสาเหตุ








เมื่อ(วันที่ 28  มิ.ย 62 )เวลา 08.00 น.  ร.ต.อ.  จรูญ อุดคำมี รอง.สว.(สอบสวน) สภ. แก่งคอย จ. สระบุรี รับแจ้งเหตุจากทางผู้ช่วยผุ้ใหญ่บ้าน หมุ่ที่ 1 ต.ตาลเดี่ยว อ. แก่งคอย ว่า มีชายหาปลาพบศพเป็นชายลอยมาในแม่น้ำป่าสัก  มาติดที่ เกาะกลางน้ำ  จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ. ไพโรจน์ ตรีโสภณ ผกก. สภ.แก่งคอย  สระบุรี มูลนิธิร่วมกตัญญูจุดแก่งคอย  เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัด สระบุรี มาที่เกิดเหตุ  ริมแม่น้ำ แม่น้ำป่าสัก พบศพชายไทย อายุ ประมาณ 30-40 ปี สุงประมาณ 160 ซ.ม  นอนเสียชีวิตในแม่น้ำ คาดตายมาประมาณ 3 วัน  สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงขายาวสีเขียว  โดยเจ้าหน้าที่พบที่ใบหน้าและปากมีร่องรอยถูกสัตว์กัดกิน ในตัวไม่พบว่าเป็นใคร เจ้าหน้าที่จึงนำศพขึ้นมาส่งตรวจที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิตเพื่อตรวจหาสาเหตุการตายแน่ชัด
            ด้าน นาย  สุรินทร์  กุสามาน อายุ 48 ปี  คนหาปลา เล่าว่า ตนกับหลานชายได้ออกมาหาปลาตามริมแม่น้ำป่าสัก ในขณะนั้นได้มองเห็นที่เกาะกลางน้ำ พบเห็นตัวตะกวด นั่งอยุ่บนศพกำลังกัดกินศพ อยู่ ครั้งแรกตนนึกว่า ตัวตะกวดนั่งอยุ่บนหลังวัว จนกระทั่งเดินมาดูอีกทีเป็นศพคน ตนกับหลานจึงได้ใช้ก้อนหินขว้างให้ตัวตะกวดหนี จากนั้นจึงแจ้ง ผุ้ช่วยผุ้ใหญ่บ้านมาดู
            ขณะทางด้าน นาง  ถริชามน  พันธุ์วงษ์ อายุ 51ปี ผช.ผู้ใหญ่บ้าน หมุ่ 1 1 ต.ตาลเดี่ยว อ. แก่งคอย เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนรับแจ้งจากลูกบ้านว่าพบศพชายลอยในแม่น้ำป่าสักจึงมาดู และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่ลูกบ้านในพื้นที่ของตนยังไม่มีคนมาแจ้งหาย ส่วน ตนเองเชื่อน่าเป็นคนที่อื่น หรือไม่ก็ลูกบ้านที่ อยุ่ต่างอำเภอเหนือแม่น้ำป่าสักขึ้นไป อาจเป็นพื้นที่ อ. วังม่วง จ.สระบุรี ซึ่ง ตนกำลังประสานงานกับนายอำเภออีกครั้ง โดยเฉพาะช่วงนี้หน้าฝนน้ำก็ไหลเชี่ยว ส่วนสาเหตุตนไม่ทราบ
            ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในเบื่องต้นยังไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหนเพราะในตัวไม่พบหลักฐานแต่อย่างใด  ซึงทางเจ้าหน้าที่กำลังส่งชุดสืบสวนสวนออกหาข่าวและพื้นที่และใกล้เคียงว่ามีคนหายหรือไม่อย่างไร ส่วนสาเหตุ เบื่องต้น คากว่า อาจเป็น คนหาปลาหรือแม่ก็ผู้ตายอาจจะเป็นคนเมาและมาลงน้ำจนพลาดจมน้ำดับ ซึ่งจะทำการสืบสวนอีกครั้ง

สมพงษ์  ปานรุ่ง  จ.  สระบุรี/ภาพข่าว จ.ส.อ.สุประวีณ์  บุญธิคำ /บรรณาธิการข่าวรายงาน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น