วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2567

จังหวัดสระบุรี จัดการแถลงข่าว “งานแก่งคอยย้อนรอยสงครามโลกครั้งที่ 2ประจำปี 2567 เชิญชม  การแสดง แสง เสียง สุดยิ่งใหญ่ตระการตา สัมผัสบรรยากาศตลาดย้อนยุคโบราณ ร้านจำหน่ายสินค้า OTOP พื้นเมือง


เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ ณ วัดแก่งคอย อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พร้อมด้วยนายธนกฤต อัตถะสัมปุณณะ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี นายสมชาย วรกิจเจริญผล นายกเทศมนตรีเมืองแก่งคอย และนายปิยะพงษ์ บุญส่ง นายอำเภอแก่งคอย และพล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี ร่วมกันแถลงข่าว “งานแก่งคอยย้อนรอยสงครามโลกครั้งที่ 2จังหวัดสระบุรี ประจำปี 2567 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒ – ๔ เมษายน ๒๕๖๗ ตามนโยบายรัฐบาล นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีด้านการสนับสนุนการท่องเที่ยว หลังจากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19

  นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า จังหวัดสระบุรีเป็น จังหวัดที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวมากเป็นลำดับที่ 9 ของประเทศไทย และเป็นลำดับที่ 2 ของภาคกลาง แหล่งท่องเที่ยวของสระบุรีนั้น มีมากมายหลายแบบ ปัจจุบันจังหวัดได้ดำเนินการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในจังหวัด ตามปฏิทินการท่องเที่ยวของจังหวัดสระบุรีโดยเชื่อมโยงพื้นที่ใกล้เคียง บูรณาการภารกิจด้านการท่องเที่ยวร่วมกับชุมชนท้องถิ่น/ผู้ประกอบการในพื้นที่ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้อยู่ในพื้นที่จังหวัดสระบุรีนานยิ่งขึ้น การจัดงานแก่งคอยย้อนรอยสงครามโลกจังหวัดสระบุรี ประจำปี 2567 ก็เป็นอีกหนึ่งงานที่จังหวัดจัดขึ้นเพื่อการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยงานนี้เป็นการร่วมมือกันในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี การร่วมมือด้านพื้นที่จากทางอำเภอ ด้านต่างๆจากทางเทศบาล ที่มีส่วนร่วมกันในการจัดงานในครั้งนี้










              ทางด้าน นายธนกฤต อัตถะสัมปุณณะ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า การจัดงานในปีนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี ได้จัดสรรงบประมาณในการจัดงาน โดยในงานนี้มีกิจกรรมหลักๆภายในงาน ประกอบด้วย การแสดงแสง เสียง สุดยิ่งใหญ่ตระการตา ณ บริเวณริมแม่น้ำป่าสัก ตรงข้ามท่าน้ำวัดแก่งคอย นำแสดงโดย กฤษฏ์ศิรวัชร แก้วมณีกานนท์ / ปทิตตา อัธยาตมวิทยา / ไซโก้ ศุภกร บางชะวงษ์ นักแสดงชื่อดังจากช่อง 7 สี ตลอด 3 คืน ตั้งแต่เวลา 20.00 เป็นต้นไป ร่วมกราบนมัสการขอพรหลวงพ่อลา อดีตเจ้าอาวาสวัดแก่งคอย และเยี่ยมชมถ้ำนาคาที่สวยงามตระการตาสัมผัสบรรยากาศตลาดย้อนยุคโบราณ การออกร้านจำหน่ายสินค้า OTOP สินค้าพื้นเมือง และนิทรรศการที่น่าสนใจจากภาคเอกชน ภายในงาน ทุกคืนชมการแสดงดนตรี การแสดงศิลปวัฒนธรรม นิทรรศการกลุ่มชาติพันธุ์ของชาวอำเภอแก่งคอย ณ เวทีกลางภายในวัดแก่งคอย ทุกคืน ชมฟรีคอนเสิร์ตศิลปินนักร้องลูกทุ่งและดารานักแสดงชื่อดัง คืนวันอังคารที่ 2 เมษายน 2567 พบกับ พี สะเดิด คืนวันพุธที่ ๓ เมษายน 2567 พบกับ  ยูกิ ไหทองคำ คืนวันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน 2567 พบกับ ศิลปินขวัญใจแม่ยก ตรี ชัยณรงค์













ด้าน นายสมชาย วรกิจเจริญผล นายกเทศมนตรีเมืองแก่งคอย กล่าวว่า เมืองแก่งคอยในอดีตเป็นเมืองที่มีความสำคัญ เป็นสถานที่ตั้งของพระราชวังสีทาของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นเมืองที่มีความสงบสุข ซึ่งขณะนั้นเมืองแก่งคอยเป็นเมืองท่าที่สำคัญในการขนส่งสินค้าและผ่านทางแม่น้ำป่าสัก และทางบกโดยรถไฟ นับว่าเมืองแก่งคอยในขณะนั้นเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ จึงมีกำลังทหารทั้งญี่ปุ่นและไทยมาตั้งค่ายเป็นจำนวนมาก จนถึงช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายตรงข้ามได้ทิ้งระเบิดที่แก่งคอย ส่งผลให้สถานที่ราชการ ตลาด วัด บ้านเรือนประชาชน เสียหาย มีชาวแก่งคอยและญี่ปุ่นเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตได้รวบรวมอัฐิของผู้เสียชีวิตไปไว้ที่อนุสาวรีย์ในบริเวณวัดแก่งคอย โดยเทศบาลเมืองแก่งคอยและประชาชนชาวแก่งคอยได้ร่วมพิธีรำลึกผู้ประสบภัยทางอากาศในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยจัดงานในวันที่ 2 เมษายนของทุกปี มาถึงปัจจุบัน วัดแก่งคอยเป็น อนุสรณ์สถานลูกระเบิดเตือนใจ ให้ระลึกถึงเหตุการณ์ที่มีการสูญเสีย อำเภอของเรานั้นมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาก และยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักและเชิดชูอย่างหลวงพ่อลา ดังนั้นการจัดงานจะทำให้คนรุ่นหลังได้รำลึกถึงและร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ให้ยังคงอยู่สืบไป




ในขณะที่ นายปิยะพงษ์ บุญส่ง นายอำเภอแก่งคอย กล่าวว่า อำเภอแก่งคอยได้บูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน กลุ่มองค์กรต่างๆ เพื่อให้การจัดงาน สร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเที่ยวงาน มีความสุข และเกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีการรณรงค์การแต่งกายชุด“ย้อนยุคสมัยสงครามโลก” มาถ่ายภาพในบรรยากาศสวยๆรอบบริเวณงาน ร่วมกิจกรรมนั่งรถไฟมิตรภาพ “คิฮะ 183จากสถานีรถไฟหัวลำโพง ทานอาหารเบนโตะ ชมผาเสด็จ วัดพระบาทน้อย ชมหอมนสิการ กราบหลวงพ่อลา และชมแสง สี เสียง  ชม ชิม ช้อป ทั่วบริเวณงาน โดยมีการจัดงานนิทรรศการในอดีต ประเพณีท้องถิ่น ในพื้นที่ จุด Check in ทานอาหารวัฒนธรรมที่หลากหลายเมนูอาหารท้องถิ่น ช้อป สินค้า OTOP และ ซื้อสินค้าคุณภาพจากโรงงาน เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน  วันอังคารที่ 2 เมษายน 2567 จะมีพิธีวางหรีดเพื่อรำลึกถึงผู้ประสพภัยทางอากาศ  พิธีรำขอพรหลวงพ่อลา นางรำมากกว่า 300 คน พิธีทำบุญทักษิณานุปทาน ผู้ที่มาเที่ยวชมงาน สามารถเดินทางโดยรถไฟ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดสถานที่สำหรับจอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไว้จำนวน 8 แห่ง รอบบริเวณงาน และมีรถรางรับนักท่องเที่ยวเข้างานฟรี













ร.ต.สุประวีณ์ บุญธิคำ บรรณาธิการข่าว รายงาน




 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น