วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2566

บีทีเคนิวส์ ออนไลน์:  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีตรวจเยี่ยมจุดตรวจบริ...

บีทีเคนิวส์ ออนไลน์:  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีตรวจเยี่ยมจุดตรวจบริ...:   รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีตรวจเยี่ยมจุดตรวจบริการประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่                เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 นายดุรงค์ฤทธิ์ ศิ...


 

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีตรวจเยี่ยมจุดตรวจบริการประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่




              เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 นายดุรงค์ฤทธิ์ ศิริวัฒนพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พร้อมด้วย ส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานประจำจุดบริการประชาชนเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2566  บริเวณถนนพหลโยธิน สี่แยกห้วยบง ตำบลห้วยบง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ตรวจติดตามการปฏิบัติงานจุดตรวจอำเภอ ป้อมตำรวจสีแยกบางโขมด หมู่ที่ 7 ตำบลบางโขมด อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรีและตรวจติดตามการปฏิบัติงานจุดตรวจอำเภอ  จุดตรวจหน้าที่พักสายตรวจตำบลพุกร่าง (สี่แยกไฟแดงสระน้ำโยธาธิ การ สาย 2) อ.พระพุทธบาท




       โดย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ได้นำความห่วงใยของ นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี แจ้งให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกคนทราบ  พร้อมมอบสิ่งของเป็นกำลังใจและมอบนโยบายให้ช่วยกันเข้มงวดการตรวจตามมาตรการเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุและความสูญเสียให้เกิดน้อยที่สุด

ร.ต.สุประวีณ์  บุญธิคำ บรรณาธิการข่าว รายงาน


บีทีเคนิวส์ ออนไลน์:  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเครื่องไทยธรรม...

บีทีเคนิวส์ ออนไลน์:  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเครื่องไทยธรรม...:   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเครื่องไทยธรรม ในการบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันชาตกาล 106 ปี สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวรมหาเถระป.ธ.9) ...


 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเครื่องไทยธรรม ในการบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันชาตกาล 106 ปี สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวรมหาเถระป.ธ.9)















วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเครื่องไทยธรรม ในการบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันชาตกาล 106 ปี สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวรมหาเถระป.ธ.9) ถวายพระสงฆ์สมณศักดิ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ โดยมีพระเทพวชิโรดม เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระราชาคณะ 10 รูปเจริญพระพุทธมนต์ ประกอบด้วย พระธรรมวชิรปาโมกข์ วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร พระเทพมงคลโสภณ วัดเสนาสนารามพระนครศรีอยุธยา พระเทพสารสุธี วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร พระเทพวิสุทธิญาณ วัดราชาธิวาสวิหารกรุงเทพมหานคร พระราชวัชราภรณ์วัดชูจิตรธรรมาราม สระบุรี พระราชวชิรมงคลวิสิฐ วัดมงคลชัยพัฒนาพระอารามหลวง สระบุรี พระจันทูปมญาณโสภณ วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร พระสุธีรัตนบัณฑิต วัดสุทธิวราราม กรุงเทพมหานคร พระวชิรวรคุณ วัดศรีรัตนธรรมาราม สมุทรปราการ พระครูวินิฐศรัทธาคุณ วัดศรีวนาราม ชลบุรี โดยมีนายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยพล.ต.ท.จิรสันต์  แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 นายสุเมธ มีนาภา รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง พล.ท ธานี ฉุยฉาย ที่ปรึกษาแม่ทัพภาคที่1 นายปิยะพงษ์  บุญส่ง นายอำเภอแก่งคอย นายกอบต.ชะอม ผกก.แก่งคอย หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสระบุรี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านอำเภอแก่งคอย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี ณ วัดป่ามหาวีรวงศ์ ต.ชะอม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

ร.ต.สุประวีณ์  บุญธิคำ บรรณาธิการข่าว รายงาน


บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธานพิธีถวายราชสักกา...

บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธานพิธีถวายราชสักกา...: รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธานพิธีถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ศูนย์...


รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธานพิธีถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรี


               วันที่ 28 ธ.ค.2566 เวลา 08.00น.ที่บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ศูนย์การทหารม้าจังหวัดสระบุรี พลเอกโดมศักดิ์ คำใสแสง  รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธีถวายราชสักการะพระบรมราชนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยมีนายพลวรรธน์ เทียนชัยมงคล  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี  พล.ต.สมศักดิ์  รักษาแสง ผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า  พล.ต. เวชศักดิ์ ขันธอุบล ผู้บัญชาการมIฑลทหารบกที่  18 ข้าราชการศาล ทหาร ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ พร้อมด้วยองค์กร สมาคม ชมรมต่างๆ ร่วมพิธีถวายราชสักการะพระบรมราชนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระคุณและแสดงความจงรักภักดีของพระองค์ที่มีต่อปวงชนชาวไทย



              เนื่องด้วยวันที่ 28 ธันวาคม ของทุกปี ถือเป็นวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องจากตรงกับวันเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระองค์ ในวันนี้ชาวไทยจะนำพวงมาลัยไปถวายสักการะที่พระบรมราชนุสาวรีย์ของพระองค์ท่าน เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระคุณและแสดงความจงรักภักดีของพระองค์ที่มีต่อปวงชนชาวไทย




          สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี) มีพระนามเดิมว่า สิน เป็นบุตรของนายไหฮองกับนางนกเอี้ยง เกิดเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2272 รับราชการอยู่ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ได้รับความดีความชอบจึงได้เลื่อนยศขึ้นเป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองตาก ราษฎรจึงขนานนามพระองค์ว่า พระเจ้าตากสิน พระราชกรณียกิจที่สำคัญ คือ การกู้เอกราช เมื่อปี พ.ศ. 2309 พม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ในสมัยพระเจ้าเอกทัศ และได้เสียกรุงแก่พม่าเป็นครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2310 เหตุการณ์ในกรุงศรีอยุธยาขณะนั้นเกิดความระส่ำระสาย ทหารพม่าได้ล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ พระยาตากเห็นว่าคงสู้พม่าไม่ได้แล้ว จึงนำทหารจำนวนหนึ่งตีฝ่าวงล้อมพม่าออกมา และได้รวบรวมกำลังอยู่ที่เมืองจันทบุรี แล้วยกทัพกลับไปตีพม่าที่กรุงศรีอยุธยา ทัพของพระยาตากสามารถตีพม่าจนแตกพ่ายไป พระยาตากสามารถรวบรวมผู้คนกอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนมาจากพม่าได้ภายในเวลา 7 เดือน - การสร้างและสถาปนากรุงธนบุรีเป็นเมืองหลวง


          หลังจากได้กอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนจากพม่าได้แล้ว พระองค์ทรงเห็นว่าทางกรุงศรีอยุธยาถูกพม่าเผาผลาญเสียหายมากและยากที่จะฟื้นฟูให้เจริญเหมือนเดิมได้ พระองค์จึงย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่กรุงธนบรี แล้วทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่า พระบรมราชาธิราชที่ 4 เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 ครองกรุงธนบุรีอยู่ 15 ปี นับว่าเป็นกษัตริย์พระองค์เดียวที่ปกครองกรุงธนบุรี นอกจากจะทรงกู้เอกราชและทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นเมืองหลวงแล้ว พระองค์ยังได้ขยายอาณาเขตโดยตีเวียงจันทน์ได้และอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานไว้ที่เมืองหลวง ทรงทำนุบำรุงศาสนาและทรงส่งเสริมให้คนแต่งหนังสือต่าง ๆ ขึ้น เพราะหนังสือตำราอันมีค่าถูกพม่าเผาไปเกือบหมด ทรงเอาใจใส่ดูแลทุกข์สุขของราษฎรเป็นอย่างดีแม้ว่าจะต้องทำสงครามกับพม่าตลอดเวลาก็ตามด้วย คณะรัฐมนตรีจึงประกาศให้วันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่พระองค์ทรงปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ เป็น "วันสมเด็จพระเจ้าตากสิน" และถวายพระราชสมัญญานามว่า "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" เพื่อยกย่องพระองค์เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของชาติไทย ผู้กอบกู้เอกราชให้ชาติไทย

ร.ต.สุประวีณ์  บุญธิคำ บรรณาธิการข่าว รายงาน


บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: จังหวัดสระบุรีเตรียมจัดงานวันคนพิการสากลส่งเสริมคว...

บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: จังหวัดสระบุรีเตรียมจัดงานวันคนพิการสากลส่งเสริมคว...

จังหวัดสระบุรีเตรียมจัดงานวันคนพิการสากลส่งเสริมความเข้าใจของสังคมต่อคนพ...

วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2566

บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: จังหวัดสระบุรีเตรียมจัดงานวันคนพิการสากลส่งเสริมคว...

บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: จังหวัดสระบุรีเตรียมจัดงานวันคนพิการสากลส่งเสริมคว...: จังหวัดสระบุรีเตรียมจัดงานวันคนพิการสากลส่งเสริมความเข้าใจของสังคมต่อคนพิการ วันนี้(27 ธ.ค.) ที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สระบุรี ไ...


จังหวัดสระบุรีเตรียมจัดงานวันคนพิการสากลส่งเสริมความเข้าใจของสังคมต่อคนพิการ


วันนี้(27 ธ.ค.) ที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สระบุรี ได้มีการแถลงข่าวสื่อมวลชนเพื่อเตรียมจัดงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2566 โดยมีนางกันตา  ดีเติม พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระบุรี นางสาวสุมาลี  ทวงศ์เพ็ชร นายกสมาคมคนพิการจังหวัดสระบุรี นางทิตยาพร เพชรประดับ รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี ร่วมกันแถลงข่าว มีนายธีระชัย มังกรทอง ประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรี เข้าร่วมเป็นเกียรติ




นางกันตา  ดีเติม พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระบุรี กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ประกาศให้วันที่ 3 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคนพิการสากล โดยให้ประเทศสมาชิกร่วมกันจัด กิจกรรมเพื่อส่งเสริมความเข้าใจของสังคมเกี่ยวกับคนพิการและให้โอกาสคนพิการได้มีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมของสังคมอย่างสร้างสรรค์  เป็นธรรม และเสมอภาคกับประชาชนทั่วไป ซึ่งประเทศไทยได้จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันคนพิการสากลเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค สำหรับ ปี 2566 องค์กรสหประชาชาติ (UN) ได้กำหนดประเด็นหลัก คือ “รวมพลังเป็นหนึ่ง เดียวเพื่อพลิกฟื้นและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกับคนพิการ เพื่อคนพิการ โดยคนพิการ”




การจัดงานในครั้งนี้ มุ่งส่งเสริมความเข้าใจของสังคมต่อคนพิการและให้โอกาสคนพิการได้มีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมทางสังคมอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดเจตคติเชิงสร้างสรรค์ของคนพิการ  ครอบครัวคนพิการ และสังคมที่มีต่อคนพิการและความพิการซึ่งจะส่งผลให้คนพิการได้รับโอกาสทางสังคมเท่าเทียมกับคนทั่วไป คนพิการได้รับทราบนโยบายและมาตรการ แนวทางของรัฐในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ และส่งเสริมความเป็นธรรม  เสมอภาค เท่าเทียม ในทุกภาคส่วนของสังคม ให้โอกาสคนพิการได้ แสดงศักยภาพ และส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในสังคม อย่างเสมอภาคกับคนทั่วไป โดยมุ่งสานต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการบนฐานของกรอบทิศทางการขับเคลื่อนงานด้านคน




งานกำหนดจัดในวันอังคารที่ 9 มกราคม 2566 ณ โดมสำนักช่าง อบจ.สระบุรี โดยมีกิจกรรมสำคัญ ดังนี้  การอ่านสารวันคนพิการสากล ประจำปี 2566 การมอบใบประกาศเกียรติคุณให้แก่คนพิการและหน่วยงาน/องค์กรที่มีการดำเนินงานด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ การปาฐกถา และการแสดงศักยภาพของคนพิการ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนพิการ การจัดแสดงนิทรรศการวิชาการ เทคโนโลยี นวัตกรรมด้านคนพิการ และการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ ที่เป็นผลงานและฝีมือของกลุ่มเป้าหมายของกระทรวง พม. กว่า 20 บูธ โดยมีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย คน พิการ ครอบครัวคนพิการ อาสาสมัคร หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรเครือข่าย ผู้ปฏิบัติงานด้านคนพิการ และบุคคลทั่วไป จำนวน  1,000 คน ซึ่งการจัดงานวันคนพิการสากลจังหวัดสระบุรี ในครั้งนี้เป็นการบูรณาการจัดงานระหว่างสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระบุรี องค์กาบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี  สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรี องค์กรคนพิการทุกประเภท และหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคธุรกิจเอกชน รวมทั้งประชำชนทั่วไป ในการสนับสนุนของรางวัล

ร.ต.สุประวีณ์  บุญธิคำ บรรณาธิการข่าว รายงาน

CR:ประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรี


วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2566

บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: “สปสช เขต 4 สสจ สระบุรี” ห่วงใยประชาชนเดินทางปีให...

บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: “สปสช เขต 4 สสจ สระบุรี” ห่วงใยประชาชนเดินทางปีให...

“สปสช เขต 4 สสจ สระบุรี” ห่วงใยประชาชนเดินทางปีใหม่ ย้ำเจ็บป่วยฉุกเฉิน...

บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: “สปสช.เขต 4- สสจ.สระบุรี” ห่วงใยประชาชนเดินทางปีให...

บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: “สปสช.เขต 4- สสจ.สระบุรี” ห่วงใยประชาชนเดินทางปีให...: “สปสช.เขต 4- สสจ.สระบุรี” ห่วงใยประชาชนเดินทางปีใหม่   ย้ำเจ็บป่วยฉุกเฉิน “ บัตรทอง”รักษาได้ทุกที่ไม่ต้องสำรองจ่าย               ตามนโยบาย...

“สปสช.เขต 4- สสจ.สระบุรี” ห่วงใยประชาชนเดินทางปีใหม่  ย้ำเจ็บป่วยฉุกเฉิน “ บัตรทอง”รักษาได้ทุกที่ไม่ต้องสำรองจ่าย


              ตามนโยบาย “หมอชลน่าน” รมว.สธ. ห่วงใยประชาชนสิทธิบัตรทองเดินทางช่วงปีใหม่ หากเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตเข้ารักษาได้ทุก รพ.ที่อยู่ใกล้ตามนโยบาย UCEP ส่วนกรณีเจ็บป่วยไม่ถึงขั้นวิกฤติ แต่จำเป็นต้องรับการรักษา ให้ใช้สิทธิรักษา มาตรา 7 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือเข้ารักษาที่หน่วยบริการปฐมภูมิได้ทุกที่ เจ็บป่วยเล็กน้อยปรึกษาเภสัชกรและรับยาที่ร้านยาได้ ส่วนผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทอง รับบริการรักษาผ่าน 4 ช่องทาง ไม่เสียค่าใช้จ่าย จังหวัดสระบุรีเป็นประตูสู่อีสาน และภาคเหนือ ช่วงเทศกาลปีใหม่จะมีประชาชนเดินทางมาก ดังนั้น นายแพทย์ สสจ.สระบุรีและ รพ.สระบุรี จึงเตรียมความพร้อมวางระบบรองรับอุบัติเหตุ เจ็บป่วยฉุกเฉินบนท้องถนนและผู้สัญจร ให้เข้าถึงบริการที่รวดเร็ว ลดอัตราความรุนแรงและการเสียชีวิต



      วันที่ 27 ธันวาคม 2566 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 4 สระบุรี ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี โดย นพ.สาธิต ทิมขำ  ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 4 สระบุรี  นพ.กฤษณ์ สกุลแพทย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระบุรี  พญ.จิรวรรณ  อารยะพงษ์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสระบุรี ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อสร้างความเข้าใจกับสื่อมวลชน ถึงนโยบายเจ็บป่วย "ฉุกเฉินวิกฤต" รักษาทุกที่ "โดยไม่ต้องสำรองจ่าย" (UCEP) เพื่อให้สื่อมวลชนและเครือข่ายด้านประชาสัมพันธ์ได้เผยแพร่นโยบายต่อสาธารณะ มีสื่อมวลชนท้องถิ่น และมีนายธีระชัย มังกรทอง ประชาสัมพันธ์จังหวัด เข้าร่วมรับฟังรวมกว่า 20 องค์กร


         นพ.สาธิต ทิมขำ  ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 4 สระบุรี กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 นี้ที่มีวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ถึง 1 มกราคม 2567 ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางต่างจังหวัดเพื่อกลับบ้านหรือเยี่ยมเยียนครอบครัว นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะบอร์ด สปสช. ได้สั่งการให้ สปสช.ดูแลพร้อมแจ้งผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สิทธิบัตรทอง 30 บาท หากเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล  สามารถการเข้ารับบริการได้ 2 กรณี ดังนี้


            1.กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินระดับวิกฤติถึงแก่ชีวิต หากไม่รักษาทันทีมีโอกาสเสียชีวิตสูง สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่งที่อยู่ใกล้สุดโดยเร็ว เป็นไปตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิ์ทุกที่ (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP) ของรัฐบาล โดยยื่นเพียงบัตรประชาชนใบเดียวและแจ้งใช้สิทธิ UCEP ซึ่งจะเข้ารับการรักษาได้ในโรงพยาบาลทุกแห่งที่ใกล้ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย สำหรับสิทธิ UCEP ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาจนพ้นวิกฤตและสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย โดยเมื่อพ้น 72 ชั่วโมง จะส่งรักษาต่อที่หน่วยบริการประจำ โดยให้สถานพยาบาลที่ให้การรักษาเบิกค่าใช้จ่ายค่ารักษาจาก สปสช. ตามอัตราที่กำหนด กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน โทร. สายด่วน 1669 ได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้ 6 อาการที่เข้าข่ายภาวะฉุกเฉินวิกฤต ประกอบด้วย 1.หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ 2.หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง 3.เจ็บหน้าอกเฉียบพลันรุนแรง 4.ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม 5.แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุดและ6.มีอาการอื่นร่วม ที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมอง ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต หากป่วยฉุกเฉินแต่ ‘ไม่วิกฤตถึงแก่ชีวิต’ สามารถเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลรัฐที่ใกล้ที่สุด โดยยื่นเพียงบัตรประชาชนใบเดียวและแจ้งใช้สิทธิบัตรทองหรือสิทธิ 30 บาท




              2.กรณีเจ็บป่วยที่ไม่ใช่ฉุกเฉินระดับวิกฤติ หรือผู้มีสิทธิบัตรทองที่เดินทางไปต่างถิ่นแล้วมีความจำเป็นต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เช่น มีความดันโลหิตขึ้นสูง ปวดศีรษะมาก เกิดภาวะท้องเสียรุนแรง ไข้หวัด ปวดท้อง เคืองตา ทำแผลต่อเนื่อง ตัดไหม หรือยาหมด (ต้องกินยาต่อเนื่องแต่ยาหมดระหว่างเดินทางไปต่างพื้นที่ มาขอรับยาได้) ฯลฯ สามารถเข้ารักษาได้ที่หน่วยบริการปฐมภูมิทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็น รพ.สต., สถานีอนามัย, ศูนย์สุขภาพชุมชน, โรงพยาบาลประจำอำเภอ, หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาลประจำจังหวัด รวมถึงศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และคลินิกชุมชนอบอุ่น โดยยื่นบัตรประชาชนและแจ้งใช้สิทธิบัตรทอง

          3.กรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย สปสช.ได้ร่วมกับสภาวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข เพิ่มบริการให้ประชาชนมีความสะดวกมากขึ้นดังนี้



        เจ็บป่วยเล็กน้อย 16 อาการ ยื่นบัตรประชาชนใบเดียว ปรึกษาเภสัชกรและรับยาได้ที่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการได้ทั่วประเทศ ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยสังเกตสติกเกอร์ “ร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการเจ็บป่วยเล็กน้อย” หรือดูรายชื่อร้านยาที่เข้าร่วมได้ที่ https://www.nhso.go.th/downloads/204

       เจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ ยื่นบัตรประชาชนใบเดียว เข้ารักษาโรคเบื้องต้นตามขอบเขตวิชาชีพได้ที่คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่นกว่า 600 แห่งที่เข้าร่วมได้ทั่วประเทศ สังเกตสติกเกอร์ คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น

         เจ็บป่วยเล็กน้อย 42 อาการ หากอยู่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล 5 จังหวัด (นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม) มีที่อยู่ให้จัดส่งยาได้ พบหมอออนไลน์ รอรับยาที่บ้านผ่านแอปพลิเคชันสุขภาพ 4 ช่องทาง ดูรายละเอียดที่ https://www.nhso.go.th/news/4078






               นพ.สาธิต กล่าวต่อว่า ส่วนประชาชนผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ในกรณีที่เจ็บป่วยด้วยโรคโควิด-19 สามารถใช้สิทธิเข้ารับการรักษาพยาบาลได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยผู้ป่วยกลุ่มไม่มีอาการหรือเจ็บป่วยเล็กน้อยสามารถรับบริการรับยาที่ร้านยา, บริการโควิด-19 ด้วยระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) และบริการปฐมภูมิทุกที่ได้ ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงขอให้เข้ารับบริการที่โรงพยาบาลตามสิทธิ โดย สปสช. ยังคงสิทธิประโยชน์บริการเพื่อดูแลผู้ป่วยโควิดอย่างต่อเนื่อง ดูรายละเอียดที่ https://www.nhso.go.th/news/3674

ร.ต.สุประวีณ์  บุญธิคำ บรรณาธิการข่าว รายงาน