
มูลนิธิสงเคราะห์เด็กสภากาชาดไทย ร่วมกับห้างแว่นท็อปเจริญ มอบแว่นตาผู้สูงวัยในโครงการ แว่นตาผู้สูงวัยในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
วันนี้ (25 ต.ค.2566)เวลา 09.30 น. ที่หอประชุมอำเภอดอนพุด อ.ดอนพุด จ.สระบุรี นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอดอนพุด เป็นประธานเปิดโครงการแว่นตาผู้สูงวัยในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย ร่วมกับห้างแว่นท็อปเจริญ และกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดโครงการมอบแว่นตาแก่ผู้สูงวัย ในพื้นที่ อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี จำนวน 400 ราย ที่ผ่านการคัดกรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเบื้องต้นแล้วว่า เป็นผู้ยากไร้ ด้อยโอกาส มีปัญหาเรื่องสายตา มีนายแพทย์นพวุฒิ ตรีพรชัยศักดิ์ ผู้อำนวยการบริหาร ห้างแว่นท็อปเจริญ นายกิตติ อินทรกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ นางสาวปริยา อังสุวร กรรมการอำนวยการและเหรัญญิกมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย นางจณิตา เทียนชัยมงคล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรี นางสาวเครือพันธ์ ธนวนิชนาม ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี หัวหน้าส่วนงานราชการ และเหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรี เข้าร่วมกิจกรรม
โดยบูรณาการร่วมกับกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คัดกรองผู้สูงวัยในพื้นที่เข้ารับบริการ ตรวจวัดสายตา หมุนเวียนกันทั่วประเทศ เดือนละ 1 ครั้ง ๆ ละ 400 คน ซึ่งหลังจากวัดสายตาแล้ว จะใช้เวลาประกอบแว่นตาประมาณ 1 เดือน หลังจากผู้สูงวัยได้รับมอบแว่นตาแล้ว ยังสามารถแก้ไขได้ภายระยะเวลา 30 วัน หากใช้แล้วมีปัญหา ได้ที่สาขาแว่นท็อปเจริญทั่วประเทศ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
โดยหลังจากที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี
ทรงพระราชทานพระราชานุญาตให้แว่นท็อปเจริญได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่วันที่ 1
มกราคม พ.ศ. 2552 จนถึงปัจจุบัน
และยังได้รับพระราชทานพระราชานุญาตในการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องจนถึงปี พ.ศ.
2572 รวมระยะเวลาดำเนินโครงการยาวนานถึง 20 ปี และในครั้งนี้นับเป็นการลงพื้นที่ครั้งที่
168
ที่แว่นท็อปเจริญได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือสายตาผู้สูงวัยที่ขาดแคลนและอยู่ห่างไกลทั่วทุกภาคของประเทศ
โดยตลอดระยะเวลาการดำเนินงานที่ผ่านมา
โครงการสามารถช่วยเหลือผู้สูงวัยไปแล้วทั้งสิ้น 66.904 ราย เป็นชาย 28.278ราย
และหญิง 38,626 ราย
ร.ต.สุประวีณ์ บุญธิคำ บรรณาธิการข่าว รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น