
จังหวัดสระบุรีจัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
เนื่องในวันนวมินทรมหาราช 13 ตุลาคม 2566
วันนี้(13 ตุลาคม 2566) ที่หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดสระบุรี ตำบลตะกุด อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานในกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันนวมินทรมหาราช13 ตุลาคม 2566 โดยมีพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล พระสงฆ์จำนวน 89 รูป
เวลา 07.30 น.นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ประธานในพิธีเดินทางถึงสถานที่จัดพิธี เข้าประจำที่ จากนั้นจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จุดเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ร่วมพิธีลุกขึ้นยืนและถวายความเคารพ จากนั้นเจ้าหน้าที่อาราธนาศีล พระสงฆ์ให้ศีล พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีและคู่สมรส พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการถวายเครื่องไทยธรรม
จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีทอดผ้าไตร จำนวน 10 ไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์(ภูษาโยง) พระสงฆ์อนุโมทนา ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีกราบพระรัตนตรัยหน้าโต๊ะหมู่บูชาถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ร่วมพิธีลุกขึ้นยืนและถวายความเคารพ จากนั้น นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นางจิตตินันท์ เชาวรินทร์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรี และผู้เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง แด่พระสงฆ์ โดยมีพระราชวชิรมงคลวิสิฐ เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดมงคลชัยพัฒนา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เป็นอันเสร็จพิธี
ในเวลา 08.00 น. นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พร้อมด้วยนางจิตตินันท์ เชาวรินทร์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรี ร่วมพิธีวางพวงมาลาเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม 2566 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย หัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ สมาชิกชมรม สโมสร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้าวางพวงมาลาตามลำดับ
เวลา 08.30 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีประธานในพิธี
เดินทางมาถึงบริเวณพิธี เข้ายืนประจำจุดยืน
ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเข้าวางพวงมาลาและถวายความเคารพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีกล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ประธานและผู้เข้าร่วมพิธี ยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที ถวายความเคารพ
จากนั้นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ วางพวงมาลาเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรส่วนราชการ/หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชน
และภาคประชาชนวางพวงมาลาเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตามลำดับที่ลงทะเบียน
สำหรับ วันที่ 13 ตุลาคม 2566 เป็นวันแห่งการสวรรคตครบ 7 ปี หรือเรียกว่า "สัตตมวรรษ" เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ตามที่รัฐบาลได้ขอพระราชทานพระมหากรุณา และคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 ให้กำหนดชื่อวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี ว่า “วันนวมินทรมหาราช”
ทั้งนี้
พสกนิกรทุกหมู่เหล่าพร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองมาร่วมพิธีกันอย่างพร้อมเพรียงเพื่อน้อมสำนึกในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ที่ทรงมีพระทัยอันยิ่งใหญ่และเปี่ยมด้วยพระเมตตา ต่อพสกนิกรชาวไทย
โดยเฉพาะจังหวัดสระบุรีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดำเนินมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจถึง 14 โอกาส นอกจากนี้ยังได้พระราชทานอาชีพเลี้ยงโคนมในพื้นที่แห่งนี้
ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดตำนานคาวบอยเมืองไทย
ที่เกิดจากพระราชวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของพระองค์
ที่ทรงเล็งเห็นว่าอาชีพการเลี้ยงโคนมจะช่วยให้ชาวไทยได้บริโภคอาหารที่มีคุณค่า
ทั้งยังช่วยให้เกษตรกรไทยได้มีอาชีพที่มั่นคงและเป็นหลักแหล่ง จึงก่อเกิด
"อาชีพโคนม” อาชีพพระราชทานที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยมายาวนานและยั่งยืน
และนอกจากนี้ยังได้พระราชทานแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในพื้นที่บริเวณวัดมงคลชัยพัฒนา
จังหวัดสระบุรี เพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขให้รอดพ้น
และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างพออยู่พอกิน
อันเป็นจุดกำเนิดของทฤษฎีใหม่แห่งแรกในประเทศไทย
พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจมากมาย
และทรงตรากตรำพระวรกายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พสกนิกรจังหวัดสระบุรี
ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้
ทำให้พสกนิกรจังหวัดสระบุรี มุ่งมั่นปฏิบัติตนโดยการทำความดี
น้อมนำหลักการดำเนินชีวิตปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่พระราชทานเป็นเครื่องมือพัฒนาคุณภาพชีวิต
เป็นเครื่องมือพัฒนาตนเอง พัฒนาครอบครัว พัฒนาชุมชน พัฒนาสังคม พัฒนาชาติบ้านเมือง
โดยเฉพาะจังหวัดสระบุรี
เป็นศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวคิดทฤษฎีใหม่แห่งแรกของประเทศไทย
ที่พระองค์ทรงพระราชทานไว้ที่วัดมงคลชัยพัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
จนทำให้เกษตรกรที่ดำเนินตามมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ร.ต.สุประวีณ์ บุญธิคำ /บรรณาธิการข่าว รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น