พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จไปทรงบำเพ็ญพระกุศลถวายผ้าพระกฐินซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร
เมื่อ( 8 พ.ย.64 )เวลา 17.00 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จแทนพระองค์ไปในการบำเพ็ญพระกุศลถวายผ้าพระกฐิน ประจำปี 2564 ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวง จังหวัดสระบุรี โดยมี นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พร้อมข้าราชการ ประชาชน เฝ้ารับเสด็จ
โดยในพิธีบำเพ็ญพระกุศลถวายผ้าพระกฐิน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ
เสด็จเข้าสู่พระอุโบสถ
ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพระพุทธปฏิมาพระประธานพระอุโบสถ
เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา กราบทูลรายงานจำนวนพระสงฆ์ จบแล้ว
ทรงหยิบผ้าไตรที่พานแว่นฟ้า พาดระหว่างพระกร
แล้วประนมพระหัตถ์ผินพระพักตร์สู่พระประธาน ทรงกล่าวคำถวายผ้าพระกฐิน
ทรงประเคนเทียนปาฏิโมกข์แด่พระสงฆ์ รูปที่ 2
พระสงฆ์ทำพิธีอุปโลกกฐินกรรม ที่ชุมนุมสงฆ์
พร้อมใจเปล่งสาธุการให้พระศรีปริยัติเวที
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร เป็นพระสงฆ์ผู้ครองกฐิน ประจำปี 2564 จากนั้น เสด็จไปถวายเครื่องบริวารพระกฐินแด่พระผู้ครองผ้าพระกฐิน
ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ทรงลาพระสงฆ์
เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาท ถวายของที่ระลึก
จากนั้น เสด็จออกจากพระอุโบสถ ไปยังพระมณฑปรอบพระพุทธบาท
เสด็จขึ้นพระมณฑปรอยพระพุทธบาท ไปยังพระมกุฏพันธนเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ ทรงวางพวงมาลัย
ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะ เสด็จไปยังพระมณฑปรอยพระพุทธบาท
ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งสักการะรอยพระพุทธบาท
ทรงกราบ เสด็จออกจากพระมณฑปรอยพระพุทธบาท เสด็จไปยังรถยนต์ที่นั่ง
ประทับรถยนต์ที่นั่งเสด็จกลับ
วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 28 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ 2167 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ปูชนียสถานที่สำคัญคือ " รอยพระพุทธบาทที่ประทับไว้บนแผ่นดินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธคีรี รอยพระพุทธบาทมีความกว้าง 21 นิ้ว ยาว 60 นิ้ว ลึก 11 นิ้ว ค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม พระองค์ทรงเห็นว่าเป็นรอยพระพุทธบาทตามลักษณะ 108 ประการ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปชั่วคราว ครอบรอยพระพุทธบาทไว้ ต่อมาได้มีการสร้างต่อเติมกันอีกหลาย สมัย และยังพบรอยจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ที่ก้อนหินขนาดใหญ่ สูงจากพื้น 160 เซนติเมตร เมื่อครั้งเสด็จนมัสการรอยพระพุทธบาท
ลักษณะของพระมณฑป
เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกอบเครื่องยอดรูปปราสาท 7 ชั้น มุงกระเบื้องเคลือบ สีเขียว มีซุ้มบันแถลงประดับทุกชั้น
มีเสาย่อมุมไม้สิบสอง ปิดทองประดับกระจกโดยรอบฝาผนัง ด้านนอกปิดทอง
ประดับกระจกเป็นรูปเทพพนม พุ่มข้าวบิณฑ์บานประตูพระมณฑปเป็นงานศิลปกรรม
ประดับมุกชั้นเยี่ยม ของเมืองไทย พื้นภายในปูด้วยเสื่อเงินสาน
ทางขึ้นพระมณฑปเป็นบันไดนาคสามสายซึ่งหมายถึง บันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว
ที่ทอดลงจากสวรรค์หัวนาคที่เชิงบันไดหล่อด้วยทองสำริด เป็นนาค 5 เศียร บริเวณรอบพระมณฑปมีระฆังแขวนเรียงราย
เพื่อให้ผู้ที่มานมัสการได้ตีแผ่ส่วนกุศลแก่เพื่อนทั้งหลาย ส่วนพระอุโบสถ
และพระวิหารต่างๆ ที่อยู่รายรอบ ล้วนสร้างตามแบบศิลปกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา
และตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์
นอกจากนี้
ในบริเวณวัดยังมีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธบาท ( วิหารหลวง )
ซึ่งเป็นเก็บรวบรวม ศิลปวัตถุ อันมีค่า อาทิ เครื่องทรงสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
เครื่องลายครามสังคโลก เครื่องทองสำริดโบราณ ศาสตราวุธ โบราณ รอยพระพุทธบาทจำลอง
ยอดมณฑปพระพุทธบาทเก่าพัดยศของพระสมัยต่างๆ และท่อประปาสมัย
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
วิหารหลวงจะเปิดให้ชมเฉพาะช่วงที่มีงานเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท ซึ่งปกติ
จัดให้มีปีละ 2 ครั้ง คือ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จนถึงแรม 1 ค่ำ
และขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 จนถึงแรม 1
ค่ำ และงานประเพณีตักบาตรดอกไม้ซึ่งเป็นประจำทุกปี ในวันเข้าพรรษา
ตรงกับวันแรม 1 ค่ำเดือน 8
ร.ต.สุประวีณ์ บุญธิคำ /บรรณาธิการข่าว /รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น