วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564



 


พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จไปทรงบำเพ็ญพระกุศลถวายผ้าพระกฐินซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร




 

           เมื่อ( 8 พ.ย.64 )เวลา 17.00 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จแทนพระองค์ไปในการบำเพ็ญพระกุศลถวายผ้าพระกฐิน ประจำปี 2564 ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวง จังหวัดสระบุรี โดยมี นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พร้อมข้าราชการ ประชาชน เฝ้ารับเสด็จ











            โดยในพิธีบำเพ็ญพระกุศลถวายผ้าพระกฐิน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จเข้าสู่พระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพระพุทธปฏิมาพระประธานพระอุโบสถ เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา กราบทูลรายงานจำนวนพระสงฆ์ จบแล้ว ทรงหยิบผ้าไตรที่พานแว่นฟ้า พาดระหว่างพระกร แล้วประนมพระหัตถ์ผินพระพักตร์สู่พระประธาน ทรงกล่าวคำถวายผ้าพระกฐิน ทรงประเคนเทียนปาฏิโมกข์แด่พระสงฆ์ รูปที่ 2 พระสงฆ์ทำพิธีอุปโลกกฐินกรรม ที่ชุมนุมสงฆ์ พร้อมใจเปล่งสาธุการให้พระศรีปริยัติเวที ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร เป็นพระสงฆ์ผู้ครองกฐิน ประจำปี 2564 จากนั้น เสด็จไปถวายเครื่องบริวารพระกฐินแด่พระผู้ครองผ้าพระกฐิน ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ทรงลาพระสงฆ์ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาท ถวายของที่ระลึก  จากนั้น เสด็จออกจากพระอุโบสถ ไปยังพระมณฑปรอบพระพุทธบาท เสด็จขึ้นพระมณฑปรอยพระพุทธบาท ไปยังพระมกุฏพันธนเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะ เสด็จไปยังพระมณฑปรอยพระพุทธบาท ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งสักการะรอยพระพุทธบาท ทรงกราบ เสด็จออกจากพระมณฑปรอยพระพุทธบาท เสด็จไปยังรถยนต์ที่นั่ง ประทับรถยนต์ที่นั่งเสด็จกลับ




















            วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 28 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ 2167 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ปูชนียสถานที่สำคัญคือ " รอยพระพุทธบาทที่ประทับไว้บนแผ่นดินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธคีรี รอยพระพุทธบาทมีความกว้าง 21 นิ้ว ยาว 60 นิ้ว ลึก 11 นิ้ว ค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม พระองค์ทรงเห็นว่าเป็นรอยพระพุทธบาทตามลักษณะ 108 ประการ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปชั่วคราว ครอบรอยพระพุทธบาทไว้ ต่อมาได้มีการสร้างต่อเติมกันอีกหลาย สมัย และยังพบรอยจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ที่ก้อนหินขนาดใหญ่ สูงจากพื้น 160 เซนติเมตร เมื่อครั้งเสด็จนมัสการรอยพระพุทธบาท






            ลักษณะของพระมณฑป เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกอบเครื่องยอดรูปปราสาท 7 ชั้น มุงกระเบื้องเคลือบ สีเขียว มีซุ้มบันแถลงประดับทุกชั้น มีเสาย่อมุมไม้สิบสอง ปิดทองประดับกระจกโดยรอบฝาผนัง ด้านนอกปิดทอง ประดับกระจกเป็นรูปเทพพนม พุ่มข้าวบิณฑ์บานประตูพระมณฑปเป็นงานศิลปกรรม ประดับมุกชั้นเยี่ยม ของเมืองไทย พื้นภายในปูด้วยเสื่อเงินสาน ทางขึ้นพระมณฑปเป็นบันไดนาคสามสายซึ่งหมายถึง บันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว ที่ทอดลงจากสวรรค์หัวนาคที่เชิงบันไดหล่อด้วยทองสำริด เป็นนาค 5 เศียร บริเวณรอบพระมณฑปมีระฆังแขวนเรียงราย เพื่อให้ผู้ที่มานมัสการได้ตีแผ่ส่วนกุศลแก่เพื่อนทั้งหลาย ส่วนพระอุโบสถ และพระวิหารต่างๆ ที่อยู่รายรอบ ล้วนสร้างตามแบบศิลปกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา และตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์

            นอกจากนี้ ในบริเวณวัดยังมีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธบาท ( วิหารหลวง ) ซึ่งเป็นเก็บรวบรวม ศิลปวัตถุ อันมีค่า อาทิ เครื่องทรงสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เครื่องลายครามสังคโลก เครื่องทองสำริดโบราณ ศาสตราวุธ โบราณ รอยพระพุทธบาทจำลอง ยอดมณฑปพระพุทธบาทเก่าพัดยศของพระสมัยต่างๆ และท่อประปาสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช วิหารหลวงจะเปิดให้ชมเฉพาะช่วงที่มีงานเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท ซึ่งปกติ จัดให้มีปีละ 2 ครั้ง คือ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จนถึงแรม 1 ค่ำ และขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 จนถึงแรม 1 ค่ำ และงานประเพณีตักบาตรดอกไม้ซึ่งเป็นประจำทุกปี ในวันเข้าพรรษา ตรงกับวันแรม 1 ค่ำเดือน 8

ร.ต.สุประวีณ์  บุญธิคำ /บรรณาธิการข่าว /รายงาน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น