วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2564
บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: สระบุรี -ทหารมาแล้ว มณฑลทหารบกที่ 18 สระบุรี นำก...
สระบุรี -ทหารมาแล้ว มณฑลทหารบกที่ 18 สระบุรี นำกำลังพลจิตอาสา และรถยนต์บรรทุก ขนาดใหญ่ สนับสนุน ภารกิจ การระบาดโควิด19 คลัสเตอร์ ซีพีเอฟ แก่งคอย
หลังจากมณฑลทหารบกที่ 18 สระบุรี ได้เข้าให้การช่วยเหลือด้านภารกิจ การป้องกัน การแพร่ระบาด
โรคโควิด 19 และภารกิจด้านการจัดตั้ง
รพ.สนาม ภายในจังหวัดสระบุรีมาอย่างต่อเนื่อง ในครั้งนี้ ได้เกิดกรณี คลัสเตอร์ใหม่ มีกลุ่มผู้ป่วย ครั้งใหญ่ ใน
โรงงานแปรรูปเนื้อ ไก่ (บริษัท
ซีพีเอฟ ประเทศไทย จำกัด มหาชน) อ.
แก่งคอย กว่า 400 คน และคาดว่ายอดจะยังสูงขึ้นเนื่องจาก
ปัจจุบันดำเนินการตรวจเชิงรุกแล้วเพียง จำนวน 3,400 คน จากจำนวน ทั้งหมด 5,862 คน และทราบผลการตรวจแล้ว จำนวน 2,299 คน พบผู้ติดเชื้อจำนวน 391 คน
วันนี้เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 64 พลตรี คณธัช มากท้วม ผู้บัญชาการ มณฑลทหารบกที่18 ได้สั่งการให้ฝ่ายกิจการพลเรือน มทบ.18 บูรณาการหน่วยงานในสังกัด ให้การสนับสนุน กำลังพลจิตอาสา พร้อมยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ เข้าให้การช่วยเหลือ ภารกิจ การแก้ไข ปัญหาการระบาด โรคโควิด 19 ร่วมกับทางจังหวัดสระบุรี โดยให้ แผนกส่งกำลังบำรุง และบริการรพ.ค่ายอดิศร ได้นำรถ FTS จำนวน 2 คัน พร้อมพลขับ จำนวน 3 นาย ได้ดำเนินการสนับสนุน เรื่องการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อโควิท 19 เดินทางไปค่ายลูกเสือเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า ยอดจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อ ทั้งหมด 95 คน..
พร้อมกันนี้ในวันเดียวกัน
มณฑลทหารบกที่18 ได้สนับสนุนกำลังพลจิตอาสา
จำนวน 15 นาย ในการขนย้าย และประกอบเตียงกระดาษ
ในการจัดเตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ณ พื้นที่ ฟาร์มฟักบ้านม่วง บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทยจำกัด)
มหาชน ต.ตะกุด อ.เมือง จ.สระบุรี ที่สามารถรับผู้ป่วยได้จำนวน
400 เตียง อีกด้วย การปฏิบัติภารกิจที่เราตั้งใจว่า
" ทหารเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส
จ.ส.อ.สุประวีณ์ บุญธิคำ /บรรณาธิการข่าว/ รายงาน
บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: คลัสเตอร์ โรงไก่ซีพี แก่งคอยสระบุรี ยังไม่หยุด ...
ผวาหนัก คลัสเตอร์ ซีพีเอฟ ยอดเพิ่มเป็น 391 รายทั้งคนไทยกัมพูชา
เมื่อ 30 พ.ค.64 เวลา 05.45 น. ณ.รพ.สระบุรี พนักงาน และผู้เกี่ยวข้องกับโรงงาน กับโรงงานแปรรูปเนื้อไก่สระบุรี เดินทางเข้ารับการตรวจ โควิด19 กันจำนวนมาก
กรณี
การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โรงงานแปรรูปเนื้อไก่สระบุรี (บริษัท ซีพีเอฟ
ประเทศไทยจำกัด มหาชน)
สาธารณสุข สระบุรี ได้รายงานข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2564 เวลา 13.30 น. ดังนี้
สืบเนื่องจากมีการระบาดของโรคโควิด 19 โรงงานแปรรูปเนื้อไก่สระบุรี (บริษัท ซีพีเอฟ ประเทศไทยจำกัด มหาชน)
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี
ดำเนินการตรวจค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกพนักงานโรงงาน แปรรูปเนื้อไก่สระบุรี
ซึ่งมีพนักงานรวมทั้งสิ้น 5,862 คน
ปัจจุบันดำเนินการตรวจเชิงรุกแล้วจำนวน 3,400 คน
ทราบผลการตรวจแล้ว จำนวน 2,299 คน
พบผู้ติดเชื้อจำนวน 391 คน
ในจำนวนนี้เป็นชาวกัมพูชา จำนวน 240 คน เป็นเพศชาย จำนวน 129 คน เพศหญิง
จำนวน 111 คน ชาวไทย จำนวน 151 คน เป็นเพศชาย จำนวน
37 คน เพศหญิง จำนวน 114 คน อยู่ในจังหวัดสระบุรี จำนวน 349 คน (กัมพูชา จำนวน 240 คน ชาวไทย 109 คน) เดินทางไป-กลับ ต่างจังหวัด
42 คน (ชาวไทยทั้งหมด) ผู้ที่ตรวจพบเชื้อดังกล่าว
ได้นำตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ได้แก่ 1.) โรงพยาบาลสนาม ณ
ค่ายลูกเสือเจ็ดคต - โป่งก้อนเส้า อำเภอแก่งคอย 2.) โรงพยาบาลของรัฐในจังหวัดสระบุรี
มาตรการดำเนินการที่ดำเนินการแล้ว
ได้ตรวจหาเชื้อในพนักงานทั้งหมดทั้งในโรงงาน
และนอกโรงงานโดยให้พนักงานไปตรวจเองที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน
คาดว่าจะแล้วเสร็จในวันนี้ ดำเนินการประสานงานระหว่างจังหวัดเฝ้าระวังกลุ่มพนักงานที่อยู่ต่างจังหวัดเพื่อติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงใกล้ชิดเพื่อเฝ้าระวังอาการ
ตรวจหาเชื้อ และกักกันตัวที่บ้าน รวมทั้งให้สาธารณสุขอำเภอ ติดตาม ดูแล
พนักงานอาศัยอยู่ในพื้นที่
อย่างใกล้ชิด การดำเนินการของโรงงานแปรรูปเนื้อไก่สระบุรี (บริษัท ซีพีเอฟ
ประเทศไทยจำกัด มหาชน)
ได้เตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ของบริษัทฯ
โดยคาดว่าจะสามารถรองรับผู้ติดเชื้อได้ 400 คน
และขณะนี้ได้ปิดโรงงานชั่วคราวเพื่อทำความสะอาด ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป
มาตรการที่ต้องดำเนินการต่อโดยได้ขอให้พนักงานที่มีความเสี่ยงที่ยังไม่ได้ตรวจหาเชื้อ
ให้ไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน
รวมถึงครอบครัวหรือผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ ให้แยกกักตัวเอง สังเกตอาการ หากมีอาการ ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ คอแห้ง
จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตาแดง ผื่นขึ้น ถ่ายเหลว
ขอให้ไปตรวจหาเชื้อโดยด่วนที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน
มาตรการป้องกันโรคสำหรับประชาชนขอให้เข้มงวด
ในการรักษามาตรการการป้องกันโรค สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง
งดเดินทางไปในสถานที่แออัด
และการรวมกลุ่มหนาแน่น
ข่าว/สำนักงานสาธารณสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี/30.5.64/036 223118
จ.ส.อ.สุประวีณ์ บุญธิคำ/บรรณาธิการข่าว/ รายงาน
วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2564
ผวากันทั้งจังหวัด พนักงานบริษัท CPF แก่งคอย สระบุรี ติดโควิดแล้ว 245 ราย
หลังจาก กลุ่มเพจ กลุ่มไลน์ และ ข่าว จังหวัดอื่นแจ้งเตือน รายงานข่าวเข้ามา เฝ้าระวังคนงานโรงงานไก่ แก่งคอย ติดโควิดจำนวนมาก ห่วงยอดพุ่ง เนื่องจากมีคนงานกว่า 5,800 คน ทำเอาชาวแก่งคอย สระบุรี ผวาหนัก หลังสอบถามบางหน่วยงานที่ รับผิดชอบในพื้นที่ ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด
เมื่อ
29 พ.ค.64 ได้รับรายงาน นายแมนรัตน์ รันตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี
แจ้งผลการดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID
- 19) ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ดังนี้
1.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี ร่วมกับโรงพยาบาลแก่งคอย สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ
แก่งคอยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ดำเนินการตรวจคันหาผู้ป่วยเชิงรุกพนักงานโรงงานแปรรูปเนื้อไก่สระบุรี
(บริษัท ซีพีเอฟ ประเทศไทยจำกัด
มหาชน) ซึ่งมีพนักงานรวมทั้งสิ้นประมาณ 5800 คน ปัจจุบันดำเนินการตรวจเชิงรุกแล้ว
จำนวนประมาณ 3400 ราย ทราบผลการตรวจแล้ว จำนวน 765 ราย พบผู้ติดเชื้อจำนวน 245 ราย
2.ผู้ที่ตรวจพบเชื้อดังกล่าว
ได้นำตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในพื้นที่ และ จังหวัดสระบุรี
ได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้น ณ
ค่ายลูกเสือเจ็ดคต - โปงก้อนเส้า อำเภอแก่งคอยจังหวัดสระบุรี
โดยสามารถรองรับผู้ติดเชื้อได้ประมาณ 160 ราย ปัจจุบันมีผู้เข้าพักแล้ว จำนวน 49
ราย
3.โรงงานแปรรูปเนื้อไก่สระบุรี
(บริษัท ซีพีเอฟ ประเทศไทยจำกัด มหาชน) ได้เตรียมการจัดตั้ง
โรงพยาบาลสนามในพื้นที่ของบริษัทฯ
โดยคาดว่าจะสามารถรองรับผู้ติดเชื้อได้ประมาณ 400 ราย
๔.
บริษัท ฯ จะปิดสายการผลิตชั่วคราว เพื่อทำความสะอาด ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม ถึง
3 มิถุนายน 2564 รวม 5 วัน
5.
ปัจจุบัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจคันหาเชิงรุก
พนักงานบริษัทดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
โดยคาดว่าจะทราบผลตรวจภายในวันที่ 30
พฤษภาคม 2564 หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบ ต่อไป
ที่มา : ประชาสัมพันธ์ จังหวัดสระบุรี
จ.ส.อ.สุประวีณ์ บุญธิคำ /บรรณาธิการข่าว/รายงาน
บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: ผวากันทั้งจังหวัด พนักงานบริษัท CPF แก่งคอย สระ...
บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: / สระบุรี “มนัญญา” ห่วงการแพร่ระบาดโรคลัมปี - ส...
/ สระบุรี “มนัญญา” ห่วงการแพร่ระบาดโรคลัมปี - สกิน กระทบอุตสาหกรรมโคนมประเทศ ลงมอบยา เวชภัณฑ์ เครื่องพ่นยาชุด PPE ให้สหกรณ์เขตภาคกลาง 15 แห่ง เพื่อสกัดการแพร่ระบาดในโคนม พร้อมกำชับ อ.ส.ค. และสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม เฝ้าระวังโรคและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด
เมื่อ วันที่28 พ.ค. 2564) นางสาว มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะได้ลงพื้นเป็นประธานกิจกรรม "โครงการรณรงค์ป้องกันโรคลัมปี-สกิน" (Lumpy Skin Disease) ณ ฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี พร้อมมอบสิ่งของเวชภัณฑ์/ยาฆ่าแมลง พร้อมถังฉีดพ่นให้กับ สหกรณ์เขตภาคกลาง 15 แห่งที่ส่งน้ำนมให้ อ.ส.ค. เพื่อนำไปใช้เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดโรค ลัมปี – สกิน ที่ส่งผลกระทบอยู่ในขณะนี้ จากนั้นพร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมฟาร์มเกษตรกร ซึ่งเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและส่งน้ำนมดิบให้ อสค. พร้อมได้ชมการฉีดพ่นยาฆ่าแมลง ณ ณัฎฐ์ฟาร์ม หมุ่ที่ 2 ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
----- ด้าน นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าจากสถานการณ์โรคระบาดการติดเชื้อไวรัส ลัมปี - สกิน (Lumpy skin disease) ที่ยังวิกฤติหนักในกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือทั่วประเทศ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อสถานการณ์อย่างมากและกำชับให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ตนในฐานะผู้กำกับดูแลองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) มีความห่วงใยต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและสหกรณ์โคนมที่ส่งน้ำนมดิบให้กับสหกรณ์ทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันอ.ส.ค.มีสมาชิกส่งน้ำนมดิบให้กับอ.ส.ค.ทั่วประเทศจำนวน 5,952 ราย มีจำนวนโครวม 174,658 ตัวส่งน้ำนมดิบให้อ.ส.ค.ประมาณ 874 ตัน/วัน โดยพื้นที่ภาคกลางมีสหกรณ์โคนมที่ส่งน้ำนมดิบมากที่สุดคือจำนวน 15 สหกรณ์ มีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 2,380 ราย และจำนวนโคนม 65,863ตัว จึงได้สั่งการให้อ.ส.ค.เฝ้าระวังโรคในพื้นที่พร้อมติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิดและให้รายงานสถานการณ์มายังตนอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง
---- ส่วนในปัจจุบันนั้น ประเทศไทยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั่วประเทศประมาณ 11,393 ครอบครัว จำนวนโคทั้งหมด 427,311 ตัว หากเราไม่เร่งสกัดการแพร่ระบาดในพื้นที่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม อาจส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของเกษตรกรและอุตสาหกรรมโคนมของประเทศในอนาคตได้ โดยฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูงของอ.ส.ค.จะเป็นฟาร์มต้นแบบในการเลี้ยง การผลิตน้ำนมโคและการดูแลสุขภาพโคนม รวมทั้งการวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในสัตว์ เพื่อเป็นแบบอย่างให้เกษตรกร หน่วยงานต่างๆได้เข้ามาศึกษา เรียนรู้การเลี้ยงโคนมมีประสิทธิภาพและนำไปสู่อาชีพอย่างยั่งยืนในอนาคต” รมช.มนัญญา กล่าว
--- ส่วนด้าน นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า ปัจจุบัน อ.ส.ค. มีสหกรณ์และศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบในเขตพื้นที่ส่งเสริมของ อ.ส.ค.ทุกภูมิภาคจำนวน 52 แห่ง ปริมาณน้ำนมดิบ แยกเป็นพื้นที่ภาคกลางจำนวน 15 สหกรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 สหกรณ์ ภาคใต้ 8 สหกรณ์ ภาคเหนือตอนบน (เชียงใหม่) 3 สหกรณ์และภาคเหนือตอนล่าง (สุโขทัย) จำนวน 16 สหกรณ์ซึ่งทั้งหมดจะส่งน้ำนมดิบสำหรับป้อนกำลังผลิตผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คเพื่อจำน่ายในรูปแบบนมพาณิชย์และนมโรงเรียนประมาณวันละ600-800 ตัน/วัน ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรค ลัมปี – สกิน ที่ส่งผลกระทบอยู่ในขณะนี้ ทำให้ อ.ส.ค. กำชับเจ้าหน้าที่กวดขันและเฝ้าระวังโรคอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเข้ามาในพื้นที่การเลี้ยงโคนมของอ.ส.ค.อย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายต่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมนมของประเทศ รวมทั้งกระทบต่อธุรกิจอุตสาหกรรมโคนมของ อ.ส.ค. ในอนาคต
-- สมพงษ์ ปานรุ่ง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ. สระบุรี/ภาพ /ข่าว
จ.ส.อ.สุประวีณ์ บุญธิคำ /0944311315/ บรรณาธิการข่าว /รายงาน
บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: สระบุรี 2 เณรน้อยสวดมนต์ให้พรเสียงดังชัดเจนชาวบ...
สระบุรี 2 เณรน้อยสวดมนต์ให้พรเสียงดังชัดเจนชาวบ้านฟังปลื้ม
ที่จังหวัดสระบุรี ผู้สื่อข่าวได้ทราบว่าที่วัดคั่นตะเคียง หมู่ที่ 2 ต.มิตรภาพ อ.มวกเหล็ก จ. สระบุรี ได้มีสามเณรน้อย 2 รูป มาบวชเณรในภาคฤดูร้อนและยังไม่ได้สึกออกไป ขณะที่ชาวบ้านในหมู่บ้านชอบใจในการสวดมนต์ให้พรของ สองเณรน้อยที่สวดให้พรเสียงดังฟังชัดดังทั่ววัด จนชาวบ้านลุงป้าตายายมักจะเดินทางมาใส่บาตรทำบุญทุกวันเพราะชื่นชอบพรจากฝีปากเณร สองรูปนี้
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมาที่วัดคั่นตะเคียนดังกล่าว โดยในช่วงเช้านี้ได้มีชาวบ้านต่างมาทำบุญใส่บาตรของเช่นทุกวันที่วัด ในขณะที่ ทางเข้าในวัดนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่ อสม. หมู่บ้านมาคอยคัดกรองวัดอุณภูมิให้ชาวบ้านเพื่อเป็นการป้องกันโควิด โดยชาวบ้านเมื่อมาถึงวัดต่างนำข้าวปลาหาหารใส่ถาดพร้อมเข้ามาถวายพระสงฆ์และคอยการสวดมนต์ให้พรจากพระสงฆ์ในวัด โดยในวัดนี้ มีพระ เพียง 3 องค์ เณร 2 องค์ เมื่อชาวบ้านถวายเครื่องอาหารแด่พระสงฆ์แล้ว ทางพระก็เริ่มทำการสวดให้ศีลให้พรแก่ชาวบ้าน
จากนั้นทางพระสงฆ์ได้เริ่มสวดมนต์พร้อมให้พรแก่ชาวบ้านที่เข้ามาถวายข้าวปลาอาหารทุกคนต่างชื่นชอบเสียงดังกังวาลชัดเจนของ
2 เณร วัย 11 ปี ที่สวดให้พรชาวบ้านเสียงดังมากทำให้บรรยากาศภายในวัดต่างสดชื่นได้รับผลบุญในครั้งนี้ทั่วถึงกัน
กับเสียงให้พรกังวาลชัดเจนของเณรน้อย
---ด้าน พระสมเกียรติ์ ถามิโก รักษาการเจ้าอาวาสวัดคั่นตะเคียนเผยว่า ที่ผ่านมาทางวัดได้มีการจัดบวชภาคเรียนเณรฤดูร้อน โดยในวัดมีเณรเข้ามาบวช 6 รูป ได้สึกออกไป 4 รูปเหลือเพียง 2 รูป คนแรกชื่อ ด,ช. อภิชาต จุนมุสิ อายุ 11 ปี หรือ เณร แชม คนที่สอง ชื่อ ด,ช, ภูมิทัศน์ มาตติวงศ์ อายุ 11ปี เท่ากัน สองคนเป็นเด็กในหมู่บ้าน ซึ่งบวชเณรฤดูร้อนมาได้ 2 เดือนแล้ว โดยตลอดที่ผ่านมา เณรทั้งสอง คน ถือว่าเป็นเด็กดี ขยันใฝ่ทางธรรม สวดมนต์ตามคำสอนของพระอย่างเคร่งครัด และทั้งสองคนชอบในการสวดมนต์ให้พรกับญาติโยมที่มาทำบุญในวัด ประจำและจะส่งเสียงดังอย่างที่เห็น ดังชัดเจน จนชาวบ้านในหมู่บ้านต่างชอบใจในผลบุญการสวดนี้
---- ส่วน นาง น้อย เสนาะนอก
ชาวบ้านเผยว่าที่ผ่านมาตนได้มาทำบุญที่วัดเป็นประจำ และมาเจอสองเณรน้อยอยู่ในวัด ตนชอบมากเวลาเณรน้อยสองรูปสวดให้พรสียงดังฟังชัดตนเองฟังแล้วรู้สึกชื่นใจกับเสียงสวดให้พรจากเณรน้อยบางที่ถึงกับน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวเลย
---- ด้าน นาย
มงคล เสมียนรัมย์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2
ซึ่งมาวัดเป็นประจำ เผยว่า ที่ผ่านมาวัดมีการบวชเณรฤดูร้อนมีเณรมาบวช 6 รูป
สึกไป 4 รูป จึงเหลือสองเณร นี้ โดยตลอดเวลา
สองเณรชาวบ้านคนแก่เฒ่าชอบในการสวดให้พรของสองเณรนี้มาเสียงดังชัดเจน เป็นที่น่ามารับพรเป็นอย่างมาก เพราะค่อนข้างจะหาเด็กแบบนี้ยากมากในสมัยนี้
ที่จะเข้ามาทางธรรม ตนเองถือว่าชื่นชอบกับสองเณร มากและมีความพึงพอในกับสองเณรที่ยังเป็นลูกบ้านของตนด้วย
-- สมพงษ์ ปานรุ่ง สระบุรี /ภาพ /ข่าว
จ.ส.อ.สุประวีณ์ บุญธิคำ /บรรณาธิการข่าว/รายงาน
วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2564
บีทีเคนิวส์ ออนไลน์: สระบุรี.ฉีดวัคซีนพระสงฆ์และกลุ่มด่านหน้าที่บริการ...
สระบุรี. ฉีดวัคซีนพระสงฆ์และกลุ่มด่านหน้าที่บริการประชาชน รองมีสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ให้กำลังใจชวนฉีดวัคซีน
25 พฤษภาคม 2564 9.00 น.สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรีและสำนักงานพุทธศาสนาได้จัดฉีดวัคซีนพระสงฆ์ที่วัดพุทธแสงธรรม อ.หนองแค จำนวน 29 รูป และช่วงบ่าย ณ วัดพระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จำนวน 132 รูป ส่วนหนึ่งเป็นพระที่มีอายุมากกว่า 60 ปีและ
ในวันเดียวกันที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี มีการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มด่านหน้าที่ต้องออกพื้นที่หน่วยงานต่างๆในจังหวัดสระบุรี จำนวน 500 คน ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนบุคลากรจากโรงพยาบาลหนองแค โรงพยาบาลพระพุทธบาท โรงพยาบาลสระบุรี เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม.เจ้าหน้าที่ อบจ. และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในกิจกรรมดังกล่าวได้มีผู้บริหารในจังหวัดมาให้กำลังใจทีมงานและเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วย นายเอกพร จุ้ยสำราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นายแพทย์ธนะวัฒน์ วงศ์ผัน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระบุรี นายแพทย์นายแพทย์สุชัย สุทธิกาศนีย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ นางสาวพัชรา สุคันธ์ ผอ.สำนักงานพุทธศาสนา นายธนกฤต อัตถะสัมปุณณะ รองนายก อบจ.สระบุรี และที่ ห้องประชุม อบจ.สระบุรี นางสาวปุณิกา กุลสุนทรรัตน์ หรือน้องพรฟ้า รองอันดับ 2 มีสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 มาให้กำลังใจและเชิญชวนให้คนไทยรับวัคซีนโควิด
ทั้งนี้
นายธีรรัตน์ จึงยิ่งเรืองรุ่ง
นายกเทศมนตรีเมืองสระบุรีและคณะผู้บริหารเทศบาลเมืองสระบุรีได้เดินทางมาให้กำลังใจและร่วมปรึกษาหารือ
กับนายธนกฤต อัตถะสัมปุณณะ รองนายก อบจ.สระบุรี เพื่อวางแผนงาน ด้านงบประมาณ
และทรัพยากรบุคล เพื่อให้ความช่วยเหลือ การปฏิบัติหน้าที่ ของบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยการบริการ
ในการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น และเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนชาวสระบุรี อีกด้วย
ด้านนายแพทย์ธนะวัฒน์
วงศ์ผัน
รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระบุรี
กล่าวตอนท้ายว่า
สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนกลุ่มต่างๆจะมีการเริ่มฉีดในเดือนต่อไป
คนที่ยังไม่ลงทะเบียนก็ขอให้ลงทะเบียนตามช่องทาง เช่น โรงพยาบาลไกล้บ้าน
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อสม.โดยจะมีการนัดหมายวันเวลาสถานที่ในโอกาสต่อไป
ขอให้มั่นใจว่า วัคซีนช่วยลดความรุนแรงของโควิดได้
จ.ส.อ.สุประวีณ์
บุญธิคำ /บรรณาธิการข่าว/รายงาน