วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2563

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เสด็จแทนพระองค์ไปในการบำเพ็ญพระกุศลถวายผ้าพระกฐิน ประจำปี 2563 ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร


 

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เสด็จแทนพระองค์ไปในการบำเพ็ญพระกุศลถวายผ้าพระกฐิน ประจำปี 2563 ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร



เมื่อ 29 ต.ค.63 เวลา 18.00 น. วันนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เสด็จแทนพระองค์ไปในการบำเพ็ญพระกุศลถวายผ้าพระกฐิน ประจำปี 2563 ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี  ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมพระราชทาน ณวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวง จังหวัดสระบุรี โดยมี นายแมนรัตน์. รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พร้อมข้าราชการ ประชาชน เฝ้ารับเสด็จ




           โดยในพิธีบำเพ็ญพระกุศลถวายผ้าพระกฐิน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เสด็จเข้าสู่พระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพระพุทธปฏิมาพระประธานพระอุโบสถ เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา กราบทูลรายงานจำนวนพระสงฆ์ จบแล้ว ทรงหยิบผ้าไตรที่พานแว่นฟ้า พาดระหว่างพระกร แล้วประนมพระหัตถ์ผินพระพักตร์สู่พระประธาน ทรงกล่าวคำถวายผ้าพระกฐิน ทรงประเคนเทียนปาฎิโมกข์แด่พระสงฆ์รูปที่ 2 พระสงฆ์ทำพิธีอุปโลกน์กฐินกรรม ที่ชุมนุมสงฆ์ พร้อมใจเปล่งสาธุการให้พระธรรมปิฎก เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร เป็นพระสงฆ์ผู้ครองกฐิน ประจำปี 2563 จากนั้น เสด็จไปถวายเครื่องบริวารพระกฐินแด่พระ ผู้ครองผ้าพระกฐิน ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กราบทูลเบิกผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินบำรุงพระอาราม เข้ารับของที่ระลึก จำนวน 100 ราย จากนั้นเสด็จไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหารถวายของที่ระลึก เสด็จออกจากพระอุโบสถ รับของทูลเกล้าถวายจากประชาชนที่มารอเฝ้ารับเสด็จ จากนั้นเสด็จไปยังรถยนต์ที่นั่ง ประทับรถยนต์ที่นั่งเสด็จกลับ

 







     วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตั้ง อยู่ที่ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 28 กิโลเมตร  เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ 2167 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ปูชนียสถาน ที่สำคัญ คือ " รอยพระพุทธบาทที่ประทับไว้บนแผ่นดินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธคีรีรอยพระพุทธบาทมีความกว้าง 21 นิ้ว ยาว 60 นิ้ว ลึก 11 นิ้ว ค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม พระองค์ทรงเห็นว่าเป็นรอยพระพุทธบาทตามลักษณะ 108 ประการ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปชั่วคราว ครอบรอยพระพุทธบาทไว้ ต่อมาได้มีการสร้างต่อเติมกันอีกหลาย สมัย และยังพบรอยจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ที่ก้อนหินขนาดใหญ่ สูงจากพื้น 160 เซนติเมตร เมื่อครั้นเสด็จ นมัสการรอยพระพุทธบาทลักษณะของพระมณฑป เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกอบเครื่องยอดรูปปราสาท 7 ชั้น มุงกระเบื้องเคลือบ สีเขียว มีซุ้มบันแถลงประดับทุกชั้น มีเสาย่อมุมไม้สิบสอง ปิดทองประดับกระจกโดยรอบฝาผนัง ด้านนอกปิดทอง ประดับกระจกเป็นรูปเทพพนม พุ่มข้าวบิณฑ์ บานประตูพระมณฑปเป็นงานศิลปกรรม ประดับมุกชั้นเยี่ยม ของ เมืองไทย พื้นภายในปูด้วยเสื่อเงินสาน ทางขึ้นพระมณฑปเป็นบันไดนาคสามสายซึ่งหมายถึง บันไดเงิน บันได ทอง และบันไดแก้ว ที่ทอดลงจากสวรรค์หัวนาคที่เชิงบันไดหล่อด้วยทองสำริด เป็นนาค 5 เศียร บริเวณรอบ พระมณฑปมีระฆังแขวนเรียงราย เพื่อให้ผู้ที่มานมัสการได้ตีแผ่ส่วนกุศลแก่เพื่อนทั้งหลาย ส่วนพระอุโบสถ และพระวิหาร ต่างๆ ที่อยู่รายรอบ ล้วนสร้างตามแบบศิลปกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา และตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์






นอกจากนี้ ในบริเวณวัดยังมี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธบาท ( วิหารหลวง ) ซึ่งเป็นเก็บรวบรวม ศิลปวัตถุ อันมีค่า อาทิ เครื่องทรงสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เครื่องลายครามสังคโลก เครื่องทองสำริดโบราณ ศาสตราวุธ โบราณ รอยพระพุทธบาทจำลอง ยอดมณฑปพระพุทธบาทเก่าพัดยศของพระสมัยต่างๆ และท่อ ประปาสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช วิหารหลวงจะเปิดให้ชมเฉพาะช่วงที่มีงานเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท ซึ่งปกติ จัดให้มีปีละ 2 ครั้ง คือ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จนถึงแรม 1 ค่ำ และขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 จนถึงแรม 1 ค่ำ และงาน ประเพณีตักบาตรดอกไม้ซึ่งเป็นประจำทุกปี ในวันเข้าพรรษา ตรงกับวันแรม 1 ค่ำเดือน 8

จ.ส.อ.สุประวีณ์  บุญธิคำ /บรรณาธิการข่าว/รายงาน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น