สระบุรี-หม่อมราชวงศ์ จิราคม กิติยากร เปิดงาน สภาส่งเสริมวัฒนธรรมอาเซียน
สืบสานตำนานศิลป์ คติชนวิทยา ณ. โบสถ์พราหมณ์
เทวสถาน(บ้านบุญ)
เมื่อวันที่
18 กันยายน 2563 ที่ โบสถ์พราหมณ์
เทวสถาน(บ้านบุญ)บ้านโป่งตะขบ อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี หม่อมราชวงศ์ จิราคม กิติยากร เป็นประธานเปิดงาน"สืบสานตำนานศิลป์คติชนวิทยา"และ
ท่านเจ้าศรีรัตน์ ณ ลำปาง ที่ปรึกษาอาวุโส สภาส่งเสริมวัฒนธรรมภาคเหนือ
โดยมีนางสาวจุฑามาศ ณ สงขลา เจ้าของโบสถ์พราหมณ์ เทวสถานบ้านบุญ
ต้อนรับและกล่าวรายงาน มี ผู้แทนศาสนา
ศ.ดร.บิชอป สุรพล บุญประถัมภ์ ศาสนาคริสต์,ดร.ประเสริฐ
สุขศาสนน์กวิน ศาสนาอิสลาม,อมรินทร์
ปิยะสัจจะเดช ศาสนาซิกข์,สถิตย์ กุมาร
ศาสนาฮินดู,ดร.ประกาย ณ สงขลา ศาสนาพุทธ,และคุรุอาจารย์ ร่วมบรรยายแลกเปลี่ยน
ความรู้ เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีความรู้
ความเข้าใจหลักคำสอนของแต่ละศาสนาและความเชื่อ
จากนั้น
ได้มี พิธีมอบเกียรติบัตรให้กับ ผู้ประกอบสัมมาอาชีพ ใน สาขาโหราศาสตร์
เวชศาสตร์ นาฏศาสตร์ จากครูบาอาจารย์ จากจังหวัด ต่างๆ ทั่วประเทศ เข้าร่วมพิธีมากกว่า 2,000 คน
วัตถุประสงค์ของสภาส่งเสริมวัฒนธรรมอาเซียน เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างช่วยเหลือสนับสนุนงานทางราชการและการปฏิบัติงานขององค์กรต่าง
ๆ ในการรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม
จัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เยาวชน
และบุคคลทั่วไปเข้าใจหลักการปฏิบัติตามประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างถูกต้อง ช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมต่าง
ๆของทุกศาสนาเพื่อให้เกิดความรัก ความสามัคคีในชุมชน รวบรวมผู้มีความรู้ด้านคติชนวิทยาแขนงต่างๆ
ประจำแต่ละท้องถิ่นเข้าไว้เป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน เพื่อเป็นการยกย่อง
ให้เกียรติและรักษาไว้ซึ่ง ความรู้ในแขนงนั้น ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อเยาวชนรุ่นหลัง
สภาส่งเสริมวัฒนธรรมอาเซียน จึงได้ก่อตั้งสถานธรรมขึ้นภายใต้ชื่อ "เทวสถานบ้านบุญ" เป็นโบสถ์พราหมณ์เพื่อใช้ประกอบศาสนพิธี ในวันสำคัญต่าง ๆ และยังเป็นสถานที่สอนด้านพิธีกรรมทางศาสนา สภาส่งเสริมวัฒนธรรมอาเซียน ได้จัดงาน "สืบสานตำนานศิลป์คติชนวิทยา"เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติบุคคลผู้มีความรู้ความสามารถในแขนงวิชาต่าง ๆ ด้านคติชนวิทยาและจัดกิจกรรมสืบสานประเพณี วัฒนธรรม ที่หาดูยาก อันสืบสานมาแต่โบราณให้ได้ชมอีกหลากหลาย
กิจกรรม ศาสนสัมพันธ์รวมใจภักดิ์ ซึ่งเราได้เชิญตัวแทนของศาสนา ทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ ฮินดู และซิกซ์มาอยู่ร่วมกัน กิจกรรม ศาสนสัมพันธ์รวมใจภักดิ์ มีวัตถุประสงค์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าทุกศาสนาในประเทศไทยนั้น มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเสมอมา เพื่อแสดงให้เห็นว่าทุกศาสนามีความเท่าเทียม เสมอภาคกัน เพื่อให้ทุกท่านเห็นถึงความสำคัญของศาสนา ซึ่งแต่ละศาสนานั้นถือกำเนิดและสืบทอดคำสอนต่อกันมาอย่างยาวนาน เพื่อตอกย้ำให้ผู้นับถือศาสนาทุกทนได้ตระหนักว่าในยามที่ประเทศชาติ หรือโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤต ศาสนาคือเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจก่อเกิดความสงบและสันติให้แก่ทุกสรรพสิ่งอย่างแท้จริง
สำหรับพุทธสถาน และ
เทวสถานโบษพราหมณ์ (บ้านบุญ) บ้านโป่งตะขบ ต.วังม่วง อ.วังม่วง จ.สระบุรี
สร้างขึ้นในพื้นที่ ที่มีความเชื่อว่าเป็นแหล่งวัฒนธรรมโบราณ ในอดีต เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาพุธและพราหมณ์
เป็นอาคารสองส่วน ส่วนหน้าใช้ประกอบพิธีพุทธ
ส่วนในใช้ประกอบพิธีพราหมณ์ รูปแบบภายนอกเป็นอาคารทรงขอม โดยมีการจัดพิธีบวงสรวงกราบไหว้บูชาเทพเทวา
ครูบาอาจารย์ พิธี กวนสีผึ้ง “อนันตเสน่หาวาจาเศรษฐี”
มี ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช (ทนายกระดูกเหล็ก) เป็นประธานจุดเทียนมนต์พระเวทย์
พิธีกวนสีผึ้ง 4 ภาคแบบโบราณ
เป็นพิธีกวนสีผึ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก
และต่อด้วยพิธีเทวาภิเษก ไอ้ไข่ รุ่น “อนันตเศรษฐี” เป็นต้น
สำหรับแหล่งโบราณคดีบ้านโป่งตะขบเป็นชุมชนโบราณที่ปรากฏร่องรอยการตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยและหลักฐานเกี่ยวกับการฝังศพของคนยุคก่อนประวัติศาสตร์ สมัยโลหะหรือสมัยก่อน ประวัติศาสตร์ตอนปลาย โดยพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ฝังศพตั้งอยู่ใกล้กันสามารถแบ่งวัฒนธรรมออกได้เป็น 3 สมัย ย่อย วัฒนธรรมสมัยย้อยที่ 1 อายุประมาณ 3,300 ปี มาแล้ว หลักฐานสำคัญได้แก่การฝังศพในหลุมมีดินฉาบผนังหลุมวัฒนธรรมสมัยยย่อยที่ 2 อายุประมาณ 2,900 ปี มาแล้ว และวัฒนธรรมสมัยย่อยที่ 3 อายุประมาณ1,600 ปี มาแล้วโบราณวัตถุประเภทสำคัญได้แก่เศษภาชนะดินเผาตกแต่งด้วยลายเชือกทาบ เศษภาชนะดินเผาตกแต่ง ด้วยการทาน้ำดินสีแดง ขวานหินขัดขนาดเล็ก และเศษกำไลข้อมือทำจากหินอ่อนสีขาว นอกจากนี้ ยังพบเศษกระดูกสัตว์หลายชนิด เช่น วัวควาย เก้ง กวาง และหมู โบราณวัตถุเหล่านี้ บ่งชี้ว่าแหล่งโบราณคดีโรงเรียนบ้านโป่งตะขบอาจเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่แห่งหนึ่งงของคนยุคก่อนประวัติศาสตร์ ตอนปลาย
สำหรับหลักฐานแหล่งโบราณคดี
จากสำนักศิลปากรที่ 3
พระนครศรีอยุธยาได้ส่งเจ้าหน้าที่มาสำรวจเบื้องต้นพบว่า
บ้านโป่งตะขบเป็นชุมชนโบราณ
ที่ปรากฏร่องรอยการตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยและหลักฐานเกี่ยวกับการฝังศพของคน
ยุคก่อนประวัติศาสตร์ สมัยโลหะ หรือสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย
โดยพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ฝั่งศพตั้งอยู่ใกล้กัน อารยธรรมโบราณที่มี
อายุประมาณ 3,300 ปี มาแล้ว
หลักฐานสำคัญได้แก่การขุดพบ การฝังศพในหลุมที่มีดินฉาบผนังหลุม
และโบราณวัตถุประเภทสำคัญได้แก่ เศษภาชนะดินเผาตกแต่งด้วยลายเชือกทาบ
เศษภาชนะดินเผาตกแต่ง ด้วยการทาน้ำดินสีแดง ขวานหินขัดขนาดเล็ก และเศษกำไลข้อมือทำจากหินอ่อนสีขาว
นอกจากนี้ ยังพบเศษกระดูกสัตว์หลายชนิด เช่น วัวควาย เก้ง กวาง และหมู
โบราณวัตถุเหล่านี้ บ่งชี้ว่าแหล่งโบราณคดี
โรงเรียนบ้านโป่งตะขบอาจเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของคนยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย
นั่นคือมีอายุไม่น้อยกว่าสามพันปีมาแล้ว
จ.ส.อ.สุประวีณ์ บุญธิคำ /0944311315/ บรรณาธิการข่าว /รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น