สาธารณสุขเร่งรัดกำจัดโรคหัดของประเทศไทย
รณรงค์ให้วัคซีนแก่เด็กอายุ
1–12 ปี ทั่วประเทศ
ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ ทั้งเด็กไทยและเด็กต่างชาติ กันยายน 2562 – มีนาคม 2563 นายแพทย์รุ่งฤทัย
มวลประสิทธิ์พร นายแพทย์สาธารณสุขสระบุรี กล่าวว่า
ตามที่ประเทศไทย
โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาอนามัยโลกครั้งที่ 63 (World Health Assembly : WHA) ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เมื่อปี 2553 และได้เห็นชอบ
ในข้อตกลงระหว่างประเทศในการสนับสนุนโครงการกำจัดโรคหัด
โดยกำหนดเป้าหมายให้อุบัติการณ์ของโรคหัดไม่เกิน 1
ต่อประชากรล้านคน และไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศ สถานการณ์โรคหัดประเทศไทย ปี 2562 ผู้ป่วยสงสัยโรคหัด จำนวน 7,470 ราย
ผู้ป่วยยืนยันทางห้องปฏิบัติการ จำนวน 2,861 ราย
ผู้ป่วยที่มีความเชื่อมโยงทางระบาดวิทยา จำนวน 1,334 ราย
ผู้เสียชีวิต จำนวน 21 ราย
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่4สระบุรี
โรงพยาบาลสระบุรี
ได้จัดฉีดวัคซีนให้กับเด็กที่ได้รับวัคซีนไม่ครบที่โรงเรียนอนุบาลสระบุรี โรคหัดเป็นไข้ออกผื่น ที่พบได้ตลอดทั้งปี
แต่มักมีอุบัติการณ์สูงในช่วงอากาศหนาวเย็น โรคหัด เกิดจาก เกิดจากเชื้อไวรัส
ชนิดหนึ่ง มีชื่อว่า Measles โดยเชื้อจะมีอยู่ในน้ำมูก
น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วย
เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อหัดจะมีระยะฟักตัวของโรคจนเกิดอาการ (ระยะก่อนออกผื่น) 8-12 วัน เฉลี่ยจากวันที่สัมผัสจนถึงมีผื่นเกิดขึ้นประมาณ
2 สัปดาห์
เริ่มด้วยมีไข้ร่วมกับอาการของการติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น มีน้ำมูกไหล
ไอบ่อย ตาแดง ตาแฉะ ปากแดง อาการต่างๆ จะเป็นมากขึ้นพร้อมกับไข้ที่สูงขึ้น
อาจมีอาการถ่ายเหลวบ่อยครั้งเหมือนท้องเดินในระยะก่อนที่จะมีผื่นขึ้น หลังจากมีไข้
3 ถึง 4 วันจะเริ่มมีผื่นที่ผิวหนัง
ซึ่งในระยะแรกผื่นจะมีสีแดง
เริ่มเห็นผื่นขึ้นที่บริเวณตีนผมและซอกคอก่อนเป็นอันดับแรกแล้วลามไปตามใบหน้า
ลำตัว และแขนขา เมื่อผื่นแพร่กระจายไปทั่วตัว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ไข้ก็จะเริ่มลดลง
เมื่อใกล้หายผื่นจะเปลี่ยนสีเข้มขึ้น เป็นสีแดงคล้ำหรือน้ำตาลแดง
การรักษาตามอาการเหมือน โรคไข้หวัด
เช่น เช็ดตัวลดไข้ ทานยาลดไข้ หรือยาบรรเทาอาการอื่น ๆ เช่น ยาแก้ไอ
นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ สามารถให้การดูแลอยู่ที่บ้านได้ในเบื้องต้น
นอกเหนือจากการรักษาตามอาการแล้วปัจจุบันแนะนำให้รักษาด้วยวิตามินเอในผู้ป่วยโรคหัดทุกรายเป็นเวลา
2 วัน แต่หากพบว่าอาการไม่ดีขึ้น คือ มีอาการไอมาก
เสมหะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเขียวหรือหายใจเหนื่อยหอบ
ควรจะพามาพบแพทย์เพื่อการรักษาที่เหมาะสม อาจพบภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ เช่น
โรคปอดอักเสบติดเชื้อ โรคอุจจาระร่วง หูชั้นกลาง ซึ่งจะพบได้ในเด็กที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเป็นโรคขาดสารอาหาร
โดยมักพบในระยะหลังของโรคซึ่งไข้เริ่มทุเลาลงแล้วเชื้อไวรัสจะกระจายอยู่ในละอองเสมหะ
น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย และติดต่อเข้าสู่ร่างกายโดยทางการหายใจ
บางครั้งเชื้ออยู่ในอากาศ เมื่อหายใจเอาละอองที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสเข้าไปก็ทำให้เป็นโรคได้โดยทั่วไปผู้ป่วยเป็นหัดจะแพร่เชื้อได้นานจนถึง4วันหลังผื่นขึ้น นอกจากการป้องกันโดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยแล้ว
โรคหัดสามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนซึ่งปัจจุบันเป็นวัคซีนตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องฉีดให้เด็กทุกคนจากเดิมวัคซีนป้องกันโรคหัดจะให้ใน
2 ช่วงอายุ คือ เข็มแรก ให้ในเด็กอายุ 9 – 12 เดือน และกระตุ้นเข็มที่ 2 ในเด็กอายุ
2-1/2 ปี จากความเสี่ยงของการระบาดโรคหัดจึงต้องณรงค์โดยกลุ่มเป้าหมาย
ให้วัคซีนแก่เด็กอายุ 1–12 ปี ทั่วประเทศ ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ ทั้งเด็กไทยและเด็กต่างชาติ ชนิดวัคซีน เด็กอายุ 1 – ต่ำกว่า 7 ปี
ให้วัคซีนรวมหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) เด็กอายุ 7 – 12 ปี ให้วัคซีนรวมหัด-หัดเยอรมัน (MR)ชึ่งกิจกรรมในวันนี้ดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศประกอบด้วยการฉีดวัคซีนกลุ่มเด็กที่ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือเคยรับแต่ไม่ครบ
กิจกรรมให้ความรู้เรื่องโรคหัดทั้งนี้เพื่อให้โรคหัดหมดไป.
ข่าว/บทความ
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี 14.11.62 โทร 036 223118
จ.ส.อ. สุประวีณ์ บุญธิคำ /บรรณาธิการข่าว/รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น