จังหวัดสระบุรีประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะและถวายราชสดุดีเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต
วันนี้
(11 กรกฎาคม 2562) เวลา 08.29 น. ที่หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดสระบุรี
นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนงานราชการ
ร่วมกันวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
พร้อมกล่าวสดุดีเทิดพระเกียรติเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
เนื่องในวันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งมติคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 5
ตุลาคม 2553 เห็นชอบให้วันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช วันที่ 11 กรกฎาคม ของทุกปี
เป็นวันรัฐพิธี โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นพระราชโอรสในพระเจ้าปราสาททอง
และพระนางศิริธิดา ต่อมาภายหลังถูกยกเป็นพระราชเทวี เสด็จพระบรมราชสมภพ เมื่อวันจันทร์
เดือนยี่ ปีวอก พ.ศ. 2175
ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาเล่าว่าเมื่อแรกเสด็จพระบรมราชสมภพนั้น
พระญาติเห็นพระโอรสมีสี่กร พระราชบิดาจึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า
"พระนารายณ์ราชกุมาร" สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ
เมื่อเวลาสองนาฬิกา วันพฤหัสบดี แรม 2 ค่ำ เดือน 12 จุลศักราช 1018 ปีวอก
(ตรงกับวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2199) มีพระนามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยา
ขณะทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา หลังจากประทับในกรุงศรีอยุธยาได้ 10 ปี พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างเมืองลพบุรีขึ้นเป็นราชธานีแห่งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2209
และเสด็จไปประทับที่ลพบุรีทุกๆ ปี ครั้งละเป็นเวลานานหลายเดือน
พระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
มิได้มีแต่เพียงการสร้างลพบุรีเป็นราชธานีที่สองเท่านั้น พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์นักรบผู้กล้าหาญ
ทรงปกครองอาณาประชาราษฎร์ ด้วยทศพิธราชธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
พระราชกรณียกิจที่เกี่ยวกับการเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์เพียงพระองค์เดียวในบูรพาประเทศ
ที่เป็นมิตรและสนิทสนมกับชาวยุโรป ที่ต่างมุ่งหวังครอบครองอาณาจักรสยาม
และด้วยพระปรีชาญาณ ได้ทรงตัดสินพระทัย เลือกเจริญสัมพันธไมตรีอย่างแน่นแฟ้น
กับประเทศฝรั่งเศสเพื่อถ่วงดุลอำนาจกับประเทศฮอลันดา
แม้ว่าการคบค้าสมาคมกับฝรั่งเศส เปรียบเสมือนหนีเสือปะจระเข้
ก็ทรงเลือกเพราะได้ทรงตระหนักดีว่า พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงมีเจตนาชักชวนให้เข้ารีต
ดังนั้น ด้วยพระวิจารณญาณอันสูงส่ง จึงได้ดำเนินการทางการทูต ด้วยความละเอียด
สุขุม รอบคอบ ทรงจัดให้มีการแลกเปลี่ยนทูต
ทรงขอเวลาศึกษาไตร่ตรองหลักคำสอนของคริสต์ศาสนา ให้ถ่องแท้เสียก่อน
นับได้ว่าทรงบรรลุจุดสุดยอดของการทูตไทย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผลแห่งการกระชับสัมพันธไมตรี
กับประเทศต่าง ๆ ในยุโรป เป็นผลให้เกิดการถ่ายเทอารยธรรม
ยังความเจริญในด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ การค้า และสถาปัตยกรรมแก่สยามประเทศ
นอกจากนี้
พระองค์ยังทรงมีพระปรีชาในด้านศิลปะวรรณคดีเป็นอย่างยิ่ง ได้ทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีไทยไว้หลายเรื่อง
ได้แก่ พระราชนิพนธ์โคลงเรื่อง ทศรถสอนพระราม พาลีสอนน้อง ราชสวัสดิ์
และสมุทรโฆษคำฉันท์ เป็นต้น
พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์
พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี รวมครองราชสมบัติเป็นเวลา 32 ปี มีพระชนมายุ
56 พรรษา/
จ.ส.อ.สุประวีณ์ บุญธิคำ บรรณาธิการข่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น