วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568



สระบุรี ชุดปฏิบัติการณ์พิเศษ สนธิกำลัง ตำรวจ-ทหาร-ปกครอง-ปปส. ล้างบางแก๊งยานรก “ตี๋ หน้าพระลาน” ยึด 2 ล้านเม็ด รวบ 3 ชีวิต คาของกลางมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท


                จากปฏิบัติการสนธิกำลังระหว่างตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้ปิดฉากเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ โดยสามารถสกัดจับทีมลำเลียงยาบ้าได้กว่า 2,000,000 เม็ด ได้ที่ด่านตรวจ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี พร้อมรวบผู้ต้องหาได้ครบทีม 3 ราย


            เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ได้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ณ กองกำกับการตำรวจภูธรอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี นำโดย พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมด้วย นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี,  พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี พ.ต.อ.เกษดา วัชรานนท์ รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรีและ พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรีพ.ต.อ.วีระวุฒิ ดำสุวรรณ ผกก.สภ.พระพุทธบาท  และ ว่าที่ร้อยตรี อากาศ ปานแย้ม จาก สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 1    พ.อ.สุพจน์ สวาคฆพรรณ ผบ.ขกท.ศปก.นสศ .จาก หน่วยข่าวกรองทาง และ พันเอกเอกรัติ เมธาวัฒนานันท์ รองผอ.รมน.สระบุรี,นายมนัสพันธ์ ดอนก้อนไพร นายอำเภอพระพุทธบาท, ร่วมแถลงข่าวการจับกุม เครือข่ายยาเสพติด แก๊ง “ตี๋ หน้าพระลาน ” รวบผู้ต้องหา 3 คน แบบ ยกครัว ส่วน ผู้สั่งการอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน




            เบื้องหลังความสำเร็จครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 2 และเจ้าหน้าที่ทหาร จากหน่วยข่าวกรองทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ได้สืบสวนขยายผล จากการจับกุมคดี     ยาเสพติดรายสำคัญจำนวนหลายคดี จนนำไปสู่การจับกุมนักค้ายาเสพติด และทีมลำเลียงยาเสพติดได้จำนวนมาก ทำให้ทราบว่ามี นายมณเฑียร หรือต๋อง น.ส.ชนันธิดา หรือเค้ก และนายไชยรัตน์ หรือกบ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.สระบุรี นั้นมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียง ยาเสพติดจากบริเวณภาคอีสาน ตอนบน ลงมายังพื้นที่ภาคกลาง โดย จะมีรถสำรวจเส้นทางขับนำหน้ารถขนยาเสพติด จึงรายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบโดยได้รับคำสั่งให้สืบสวนจับกมุและบรูณาการร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนติดตาม ความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้กระทำผิดมาโดยตลอด  











            ต่อมาในวันที่ 6 สิงหาคม 2568 จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ร่วมขบวนการ ของแก๊ง นายพงษ์พัฒน์ (ตี๋ หน้าพระลาน )  ได้เดินทางไปรับยาเสพติด บริเวณภาคอีสานตอนบน โดยจะใช้รถยนต์ยี่ห้อ อีซูซุ มิวเอ็กซ์ สีดำ เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่ภาค กลาง และมีรถเก๋งยี่ห้อ มิตซูบิชิ แอทราจ สีแดง เป็นรถคอยสังเกตการ์ด่านตรวจ โดยใช้เส้นทางถนนหมายเลข 3334 ต.ธารเกษม อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี จึงประสานให้ สภ.พระพุทธบาท ตั้งจุดสกัดรถลำเลียงยาเสพติดที่บริเวณ หน่วยบริการประชาชน ต.ธารเกษม ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่เหลือ ได้วางกำลังเฝ้าสังเกตุการณ์ตามเส้นทางหลัก และรองเพื่อจะสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้





             และเมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ของวันที่ วันที่ 6 สิงหาคม 2568 นายมณเฑียรฯ และน.ส.ชนันธิดาฯ ได้ขับรถลำเลียงยาเสพติดมาถึงจุดสกัดของ สภ.พระพุทธบาท เจ้าหน้าที่ชุด จับกุมจึงเรียกให้หยุดและแสดงตนเข้าตรวจ ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดของกลางซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋าเดินทาง จำนวน 5 ใบ วางอยู่บริเวณเบาะด้านหลังคนขับ กระเป๋าแต่ละใบบรรจุ ยาบ้าจำนวน 400,000 เม็ด รวมจำนวนยาบ้าทั้งหมด 2,000,000 เม็ด  และสามารถติดตามไปจับกุมนายไชยรัตน์ ฯ ที่ขับรถนำสำรวจเส้นทาง ซึ่งอยู่ห่างจากรถขนยาเสพติดประมาณ 3 กม. ได้อีก 1 ราย


            เจ้าหน้าที่ จึงดำเนินคดีกับ ผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย  ประกอบด้วย นายมณเฑียร หรือต๋อง (ขับรถขนยาเสพติด) น.ส.ชนันธิดา หรือเค้ก (โดยสารมาด้วยกันกับรถขนยาเสพติด)  นายไชยรัตน์ หรือกบ (ขับรถนำสำรวจเส้นทาง) พร้อมตรวจยึด รถยนต์ของกลาง ที่ใช้ในการกระทำผิด จำนวน 2 คัน มี รถยนต์ยี่ห้อ อีซูซุ มิวเอ็กซ์ สีดำ จำนวน 1 คันรถเก๋งยี่ห้อ มิตซูบิชิ แอทราจ สีแดง จำนวน 1 คัน ส่วนผู้ต้องหาที่เป็น ผู้สั่งการนายพงษ์พัฒน์ (ตี๋)  และนางสุวรรณษา หรือ พลอย ผู้โอนเงินค่าจ้าง  ยังหลบหนีคดีหมายจับอีกหลายคดี ยังคงหลบหนีอยู่ต่างประเทศ  จะขยายผลถึง  ผู้สั่งการ และบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด รวมถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด โดยจะนำมาตรการสมคบ สนับสนุนช่วยเหลือ ฟอกเงิน และยึดทรัพย์สิน มาใช้ดำเนินการกับบุคคลในเครือข่าย   ยาเสพติดต่อไป





            พล.ต.ต.ชยานนท์ กล่าวย้ำว่า "ความสำเร็จนี้ต้องยกเครดิตให้กับการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานอย่างแท้จริง โดยเฉพาะข้อมูลข่าวกรองจากฝ่ายทหารและ กอ.รมน. ที่แม่นยำ ทำให้เราสามารถปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือโมเดลการทำงานที่เราจะใช้กวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง"

            ด้าน นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวเสริมว่า "การมีหน่วยงานความมั่นคงเข้ามาช่วยดูแล ทำให้ประชาชนอุ่นใจยิ่งขึ้น แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังในการแก้ปัญหานี้ ผมในฐานะตัวแทนฝ่ายปกครองพร้อมสนับสนุนการทำงานในทุกมิติ เพื่อให้สระบุรีเป็นพื้นที่ปลอดภัย"

            การจับกุมครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการหยุดยั้งยาเสพติดล็อตใหญ่ แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงยุคใหม่ของการปราบปรามยาเสพติด ที่ทุกหน่วยงานด้านความมั่นคงของชาติจะทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อขจัดภัยร้ายนี้ให้สิ้นซาก



ร.ต.สุประวีณ์  บุญธิคำ  บรรณาธิการข่าว รายงาน




 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น