วันอาทิตย์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2566


เรือนจำจังหวัดสระบุรีร่วมกับ เทศบาลเมืองสระบุรี และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี เปิด โครงการอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) ประจำปี ๒๕๖๖



ในปี ๒๕๖๓ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีการจัดตั้งโครงการ “ราชฑัณฑ์ปันสุขทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ” มีวัตถุประสงค์ เพื่อมุ่งเน้นในด้านการส่งเสริมทางด้านเครื่องมือแพทย์ด้านการบริการทางการแพทย์ ด้านการบริการทางการพยาบาล โดยพัฒนาองค์ความรู้ด้านสุขภาพอนามัยที่จำเป็นแก่ผู้ต้องขัง และองค์ความรู้ด้านสุขภาพในเรือนจำแก่อาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.)





เมื่อ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ ลานอเนกประสงค์แดน ๑ เรือนจำจังหวัดสระบุรี นายยุทธนา กัลยาวัฒนาเจริญ รองนายกเทศมนตรีเมืองสระบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) ประจำปี ๒๕๖๖และตรวจเยี่ยมสถานพยาบาล การประกอบอาหารในเรือนจำ โดยมี นางสาวกมลทิพย์ อ้นขวัญเมือง ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสระบุรี กล่าวรายงาน มี นพ.ณัฐวร เจียรสถาวงศ์ ผู้แทน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสระบุรีและคณะ เจ้าหน้าที่ พร้อมอุปกรณ์  จากโรงพยาบาลสระบุรี โรงพยาบาลแก่งคอย โรงพยาบาลเสาไห้ฯโรงพยาบาลหนองแค  เป็นวิทยากรในการอบรม วิชา " การปฐมพยาบาลฉุกเฉินและการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน ”  ในครั้งนี้  มี ผู้ต้องขังเข้ารับการอบรม จำนวนทั้งสิ้น ๖๐ คน แบ่งเป็น ผู้ต้องขังชาย จำนวน ๕0 คน ผู้ต้องขังหญิงจำนวน ๑๐ คน ระยะเวลาการฝึกอบรมระหว่าง วันที่ ๗ – ๑๐สิงหาคม ๒๕๖๖ ได้รับการสนับสนุน จากกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น( เทศบาลเมืองสระบุรี)










ด้วยกระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้ร่วมกันปรับปรุงหลักสูตรฝึกอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.)ขึ้น เพื่อสนับสนุน การฝึกอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) ในเรือนนอนและโรงฝึกงานในเรือนจำให้มีความรู้ ความเข้าใจ เฝ้าระวัง คัดกรองสุขภาพเบื้องต้น ดูแลช่วยเหลือและถ่ายทอดความรู้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ตลอดจนดูแล สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพและสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมในกลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำ








อีกทั้ง ผู้ต้องขังในเรือนจำควรได้รับการเข้าถึงบริการสาธารณสุข อันมีมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพ ซึ่งก่อนที่ผู้ต้องขังแต่ละคนจะได้รับสิทธิ ในการมาถึงสถานพยาบาล เพื่อรับการตรวจรักษา และเข้าถึงการรักษา ผู้ต้องขังแต่ละกองงานต้องรอ ให้ถึงวันของกองงานตนเองจึงจะมีสิทธิเข้าไปตรวจที่สถานพยาบาล  แต่หากมีผู้ป่วยฉุกเฉินก็จะได้รับการรักษาก่อน เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีกำลังไม่เพียงพอ จึงใช้ระบบคัดกรองในแดนก่อน เพื่อไม่ให้มีปริมาณผู้ต้องขังมาที่สถานพยาบาลจำนวนมาก โดยให้อาสาสมัครนักโทษ ประจำกองงานนั้นๆ เป็นผู้คัดกรองเบื้องต้น จึงมีความเป็นไปได้ ที่อาสาสมัครคัดกรอง ไม่มีความรู้เฉพาะทางการแพทย์ อาจวินิจฉัยผิด และทำให้ผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยเข้าไม่ถึงบริการด้านสุขภาพตามสิทธิของตน รวมถึงการส่งเสริมและป้องกันโรค อย่างทั่วถึงเท่าเทียมและเสมอภาค






ร.ต.สุประวีณ์ บุญธิคำ บรรณาธิการข่าว รายงาน

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น