วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2565


 

สกรุ๊ปพิเศษ ทริปสายบุญ  ทัวร์เมืองเพรียวเที่ยว 9 วัด” เปิดแหล่งท่องเที่ยวในเมืองสระบุรี กับ “นายกเชน”



เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 นายธีรรัตน์  จึงยิ่งเรืองรุ่ง นายกเทศมนตรีเมืองสระบุรี เป็น ประธานพิธีเปิดโครงการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ในเขตเทศบาลเมืองสระบุรี “ทัวร์เมืองเพรียวเที่ยว 9 วัด” พร้อมด้วยคณะนายนฤพนธ์ อุตรพงศ์ ดร.วิทูล หนูยิ้มซ้าย รองนายกเทศมนตรี นายบุดดี ทิณเสวก เลขานุการนายกเทศมนตรี นายยุทธนินทร์ สุวรรณอำไพ ปลัดเทศบาลเมืองสระบุรี นายสุวิชา ศิริบุญ ประธานสภาเทศบาลเมืองสระบุรี นางวรรณภา อุ่นอารมณ์  รองประธานสภาฯและ สมาชิกสภาเทศบาล ทีมพลังปากเพรียว ทั้ง 3 เขต พร้อม หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมกับพระปลัดนิวัฒน์ อภิญจโน เจ้าคณะตำบลปากข้าวสาร เจ้าอาวาสวัดเชิงเขา พร้อมด้วยคณะสงฆ์วัดเชิงเขา ประกอบพิธีเปิดโครงการเป็นแห่งแรก  จากนั้นคณะได้ เดินทางไปเปิดจุดท่องเที่ยวอีก 8 วัด ริมแม่น้ำป่าสัก  โดยมี เจ้าอาวาสและคณะสงฆ์ของแต่ละวัด  คณะครูโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองสระบุรี ประธานและกรรมการชุมชนและประชาชนในพื้นที่มาเข้าร่วมกิจกรรม ร่วมทำ พิธีเปิดแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ร่วมแนะนำจุดเด่นของแต่ละพื้นที่

ทั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ของตำบลปากเพรียวให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ เกิดความสนใจและอยากมาเที่ยวในพื้นที่ตำบลปากเพรียว รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างพัฒนา ด้านการท่องเที่ยว เพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจในพื้นที่  เพื่อเป็นที่รองรับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประทศ สร้างศักยภาพเมืองรอง มุมมองนักท่องเที่ยวให้เป็นแหล่งประทับใจ ในค่าใช้จ่ายในการ ช๊อป ชิม ใช้จ่าย ทั้งใช้เมืองสระบุรีเป็นแหล่งพักผ่อน จองที่พักหลัก ของนักท่องเที่ยว ในการท่องเที่ยวในแหล่งต่างๆประเทศ ทำให้เป็นแหล่งทุ่มกำลังซื้อครั้งสุดท้าย ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก่อนเดินทางกลับประเทศอีกด้วย









โดยทางเทศบาลเมืองสระบุรี ได้กำหนดปักหมุดเช็คอินท์ไว้อย่างสวยงามทั้ง 9 จุด ง่ายต่อการค้นหา

โดยเริ่มจากจุดเช็คอินท์ที่ 1 วัดเชิงเขาดเชิงเขาเดิมเป็นวัดเล็กๆในเมืองสระบุรีที่ต่อมาได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อรวยปาสาทิโกแห่งวัดตะโก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แพร่พลังศรัทธามายังชาวจังหวัดสระบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง  วัดเชิงเขาเป็นวัดที่มีโครงการก่อสร้างยิ่งใหญ่อลังการมากโดยเฉพาะพระมหาธาตุเจดีย์ปาสาทิโก
พระธาตุเชิงเขาที่ออกแบบได้ซับซ้อนและยิ่งใหญ่มากเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นบนภูเขาโดยมีความสูงถึง
5 ชั้นมีรูปหล่อหลวงพ่อรวยหน้าตักกว้าง 7เมตรและหลวงพ่อแก้วประทานพรที่สร้างด้วยเนื้อทองเหลืองที่ปิดด้วยทองคำแท้ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารและภายในเจดีย์มีถ้ำที่มีการติดไฟส่องสว่างหลากสีสันพร้อมด้วยมีน้ำตกจำลองอันสวยงาม ซึ่งมีจุดเด่นของวัดให้กับท่องเที่ยวเข้าสักการะ เช่น พระมหาธาตุเจดีย์ ปาสาทิโก หลวงพ่อแก้วประทานพร วิหารหลวงพ่อรวย  หลวงพ่อสองพี่น้อง  ถ้ำวัดเชิงเขา น้ำตกจำลองเป็นต้น










จุดที่ 2. วัดศาลาแดง เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศหรือพระพุทธรูปสี่มุมเมืองซึ่งมีอยู่ 4 องค์ในประเทศไทย  ถูกจัดสร้างขึ้นเมื่อปีพศ. 2311 เรียกว่าวัดแก่งม่วงโดยมีต้นมะม่วงขึ้นอยู่บนแก่ง เป็นสัญลักษณ์มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา  จะต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องขอบขัณฑสีมาทั้ง 4 ทิศโดยการสร้างพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ  เป็นการสร้างพุทธรูปแบบ จตุรพุทธปราการ เพื่อปกป้องภยันตรายจากอริราชศัตรู ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายเสริมสร้างดวงชะตาแก่บ้านเมืองและคุ้มครองพสกนิกรนทั้งมวลให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข     ซึ่ง จุดเด่นของวัดจึง มีพระวิหารพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศองค์หลวงพ่อทันใจ   ปู่ฤาษีชีวกโกมารภัจจ์  และปู่ฤาษีนารอด   ควาย 3 เขา   วังมัจฉาริมแม่น้ำป่าสักเป็นต้น







จุดที่3. วัดบ้านอ้อยตั้งอยู่บนถนนเทศบาล 7 สร้างเมื่อพ.ศ 2325 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พศ. 2452 โดยมีพระประจำวัด คือหลวงพ่อขาวซึ่งมีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่าเมื่อครั้งก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยามีผู้ที่มีบุญมากได้สร้างพระพุทธรูปหลวงพ่อขาวขึ้นเพื่อสักการะบูชากันเป็นเวลานานสืบเนื่องต่อกันมามากกว่า 200 ปีและเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดบ้านอ้อยมาจนถึงทุกวันนี้นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นคือศาลาท่าน้ำและศูนย์นวดแผนไทยชุมชนบ้านอ้อย 1 (อสม.) เทศบาลเมืองสระบุรี ซึ่งมีจุดเด่นของวัดคือวิหารหลวงพ่อขาวศูนย์  นวดแผนไทยชุมชนบ้านอ้อย 1 และวังมัจฉาริมแม่น้ำป่าสัก












จุดที่ 4. วัดบ้านบึงเดิมที ขึ้นอยู่กับตำบลนาโฉง อำเภอเมืองจังหวัดสระบุรีสมัยก่อนมีชาวรามัญอพยพมาทางเรือ ขึ้นทางท่าน้ำซึ่งชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่า ท่าควาย ประกอบกับที่ดินตรงนั้นเป็นบึงและเป็นที่ว่างเปล่าจึงเห็นว่าที่ตรงนั้นเหมาะสำหรับเอาดินมาปั้นเป็นอิฐ และอยู่ห่างจากแม่น้ำป่าสักประมาณครึ่งกิโลเมตรชาวมอญ จึงได้พากันมาตั้งสร้างวัดขึ้นเมื่อ ปีพศ. 2324 จึงตั้งชื่อว่าวัดบ้านบึงจุดเด่นของวัดมีวิหารหลวงพ่อดำ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองโดยเชื่อกันว่าถ้าได้อธิษฐานขอสิ่งใดกับหลวงพ่อดำจะสมหวังดังปรารถนา






จุดที่ 5. วัดเจดีย์งาม สร้างขึ้นประมาณพ.ศ 2122 เดิมชื่อว่าวัดเจดีย์หักเพราะมีสร้างเจดีย์ซึ่งปรักหักพังอยู่บนเนินเขาสมัยรัชกาลที่ 2 และได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่อีกครั้งต่อมาในสมัยจอมพลป.พิบูลสงครามได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดเจดีย์งามในปีพศ. 2483 จุดเด่นของวัด   มีพระบรมสารีริกธาตุเจดีย์สีทองพระสังกัจจายน์











จุดที่ 6. วัดดาวเรือง เดิมชื่อวัดดาวเสด็จ ตั้งอยู่ตรงข้ามคนละฝั่งแม่น้ำป่าสัก กับ กรมทหารจังหวัดสระบุรี (ปัจจุบัน กองพันทหารม้าที่ 11 กรมทหารม้าที่4รักษาพระองค์) ต่อมาเมื่อพ.ศ 2370 ได้ย้ายเสนาสนะมาสร้างใหม่    ที่ตั้งปัจจุบัน  ซึ่งเป็นที่ราบริมแม่น้ำป่าสัก เกิดภัยแล้งขาดน้ำในการบริโภค  จึงได้ตั้งชื่อใหม่  ตามสถานที่ตั้งว่า วัดดาวเรือง  โดยการนำของหลวงพ่อแหย่ง ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส ในสมัยนั้น พ.ศ 2370 และชาวบ้านหมู่บ้านดาวเรืองได้ร่วมกันสร้างเสนาสนะเพื่อใช้เป็นที่พักสงฆ์วัดดาวเรืองได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปีพ.ศ 2381     จุดเด่นของวัด   มีวิหารหลวงพ่อแดงวิหารหลวงพ่อสมบูรณ์ท้าวเวสสุวรรณเรือเจ้าแม่พรายสมุทร(เรือโบราณ)จุดชมวิวท่าน้ำริมแม่น้ำป่าสัก












จุดที่ 7. วัดแก่งขนุน ตามตำนานได้กล่าวไว้ว่าเมื่อครั้งสมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช(รัชกาลที่ 1) ได้โปรดเพื่อนำทัพไปตีเมืองเชียงแสนคืนจากพม่าและได้กวาดต้อนผู้คนมาตั้งถิ่นฐาน ณ ที่อำเภอเสาไห้ ให้เป็นจุดศูนย์กลาง  และมีส่วนหนึ่งได้มาตั้งถิ่นฐานที่บ้านแก่งขนุนแห่งนี้ ที่ได้ชื่อว่าแก่งขนุนนั้นเนื่องในอดีตที่ยังไม่มีระบบชลประทาน เมื่อเข้าสู่หน้าแล้งน้ำ ในแม่น้ำป่าสักแห้งขอด จนเป็นโขดหินซึ่งมีลักษณะคล้ายลูกขนุน ดังนั้นจึงได้ตั้งชื่อว่าตามลักษณะของแก่งที่พบเห็นกันว่าวัดแก่งขนุน  จุดเด่นของวัดพระพุทธเมตตามหาสิทธิโชคพระสีวลี    รูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี  รูปหล่อหลวงพ่อแผ้ว ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาวาส ที่ได้รับการกล่าวขานว่าท่านลอยตัวขณะนั่งสมาธิ















 8. วัดศรีบุรีรตนาราม หรือวัดเพียวสันนิษฐานว่าสร้างราวปีพ.ศ 2492 เดิมชื่อว่าวัดม่วงงามเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองสระบุรีที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งองค์พระแก้วมรกตเคยมาประดิษฐานพักอยู่ที่วัดแห่งนี้ก่อนที่จะอัญเชิญเข้าสู่กรุงเทพฯตลอดจนมีพระพุทธรูปนามว่าหลวงพ่อพุทโธวัดนี้จะมีลักษณะเด่นที่ตัวฐานของอุโบสถซึ่งจะมีรูปแบบคล้ายเรือสำเภาที่มีความสวยงามอย่างมาก   จุดเด่นของวัด  มีวิหารหลวงพ่อพุทโธ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองปากเพรียว  วิหารพระแก้วมรกตองค์จำลองอุโบสถสถาปัตยกรรมรูปทรงเรือสำเภา








จุดที่ 9. วัดทองพุ่มพวงเดิมชื่อว่า วัดช่องลม (เนื่องจากในอดีตเป็นท่าน้ำ มีการขนส่งสินค้า ขึ้นค้าขาย มี ลมแรง เพราะบริเวณโดยรอบเป็นทุ่งนา) สร้างขึ้นประมาณพ.ศ 2353 โดยมีพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งนามว่าหลวงพ่อทอง ได้มาจาริกธุดงค์  ณ ที่แห่งนี้  และได้เผยแพร่คำสอนพระพุทธศาสนาจนชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสและมีจิตศรัทธา  เมื่อชาวบ้านเจ็บป่วยท่านมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและเก่งด้านคาถาอาคมเดิมวัด มีพื้นที่ คับแคบติดกับพื้นที่  ของสองพี่น้อง คือ คุณโยมพุ่ม ได้ถวายที่ดิน 1 ไร่และคุณโยมพวงได้ถวายบ้าน 1 หลัง  และได้อาศัยชื่อของหลวงพ่อทอง ชื่อคุณโยมพุ่มและคุณโยมพวงเพื่อนำมาตั้งชื่อวัดทองพุ่มพวง จนถึงปัจจุบัน  จุดเด่นของวัดมีพระองค์พระราหู (พระสุริยะบัพพา ) จุดชมวิวริมแม่น้ำป่าสักเป็นต้น

 



ร.ต.สุประวีณ์  บุญธิคำ /บรรณาธิการข่าว /รายงาน

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น